คมชัดลึก :ผชช.ระบาดวิทยา เผย หวัดมรณะส่อคร่าคนไทย 1,200 คน ภายใน 2 ปี จี้สธ.ตีปี๊บ สวมหน้ากากรับผิดชอบต่อสังคม ด้านรมว.สธ. เผย WHOให้โควต้าวัคซีน 2 ล้านโดส เผย “มาร์ค"เตรียมเปิดโรงงานผลิต 12 ก.ค.นี้
(11ก.ค.) นายชวน หลีกภัย ประธานสภาที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์ เข้ารับฟังการบรรยายของบุคคลากรด้านสาธารณสุข เกี่ยวกับสถานการณ์การแพร่ระบาดไข้หวัดสายพันธ์ใหม่ 2009 พร้อมแนวทางการป้องกัน โดยมีผู้เข้าร่วมอาทิ นายวิทยา แก้วภราดัย รมว.สาธารณสุข, นพ.ยง ภู่วรวรรณ อ.ประจำคณะแพทย์ศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านโรคติดเชื้อไวรัส องค์การอนามัยโลก, นพ.พิทยา จารุพูนผล คณบดีคณะสาธารณสุขศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล, พญ.จริยา แสงสัจจา รองผู้อำนวยการสถาบันบำราศนราดูร, พญ.มาลิณี สุขเวชชวรกิจ รองผู้ว่าฯกทม.และส.ส.พรรคประชาธิปัตย์จำนวนหนึ่ง
ภายหลังการหารือนานกว่า 3 ชั่วโมง 30 นาที นายชวน กล่าวว่า สิ่งที่กระทรวงสาธารณสุขต้องดำเนินการต่อคือการพูดความจริงและให้ความรู้กับประชาชน รวมทั้งการให้คำแนะนำที่ถูกต้อง อย่าเบื่อหน่ายกับการให้ความรู้กับประชาชน เพราะทุกคนมีโอกาสเสี่ยงต่อโรคนี้ คนที่สงสัยว่าเป็นหรือเป็นน้อยก็ไม่จำเป็นต้องมาตรวจร่างกายกันทุกคน แต่ถ้าเป็นมาก ๆ ก็มีความจำเป็นที่จะต้องมาตรวจ อย่างที่ได้รับรายงานก็ทราบว่าต่างประเทศก็ถือว่าเป็นเรื่องธรรมดาเพราะมาตามฤดูกาล
ดังนั้นการให้ความจริงไม่ปกปิด และให้คำแนะนำและความรู้เหมือนเป็นภูมิคุ้มกันให้กับประชาชน นอกจากนี้อยากให้ประชาชนเชื่อมั่นประเทศไทย ที่ได้รับการยอมรับด้านสาธารณสุข และมีผู้เชี่ยวชาญที่มีศักยภาพจำนวนมาก จึงเชื่อว่าในอนาคตจะสกัดกั้นได้
นพ.ยง แถลงว่า ได้เข้ามารายงานสถานการณ์ไข้หวัด 2009 แต่ยอมรับว่าทั่วโลกได้มีการระบาดมากกว่า 120 ประเทศ และมีผู้ป่วยจำนวนนับแสน ซึ่งไม่แปลกที่จะมีการระบาดในประเทศไทย โรคนี้ไม่สามารถหยุดยั้งได้ภายใน 1-3 เดือน แต่มีแนวโน้มระบาด 1-3 ปี และจำนวนผู้ป่วยจะมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ แต่ถ้ามาดูความรุนแรงก็จะพบว่ามีหลายระดับ คือตั้งแต่ไม่มีอาการไปจนถึงเสียชีวิต ซึ่งทุกคนสามารถเป็นได้ทั้งนั้น โดยคนที่เสียชีวิตไปแล้วอยู่ในกลุ่มเสี่ยง คือ คนที่เป็นโรคปอด หัวใจ หอบหืด ผู้สูงอายุและเด็ก
อย่างไรก็ตามหากมีคนติดเชื้อ 1 คน จะสามารถแพร่กระจายโรคไปได้ 1.5-2 คน แต่หากป้องกันดี ๆ จะลดอัตราการแพร่กระจายลงได้ถึงครึ่งหนึ่ง ซึ่งฟังดูแล้วอาจจะน่าตกใจ เพราะจากการประมาณการพบว่าใน 1-2 ปีนี้จะมีผู้เสียชีวิตในประเทศไทยถึง 1,200 คน ซึ่งถ้ามีมาตรการที่เข้มข้นดูแลอย่างเต็มที่สามารถลดอัตราการตายได้ถึงครึ่งหนึ่ง คือไม่น่าจะเกิน 600 คน
นพ.ยง กล่าวอีกว่า ในประเทศสหรัฐ ยุโรป จีน ฤดูกาลของไข้หวัดจะเริ่มตั้งแต่เดือนพ.ย. - ก.พ. แต่ประเทศในซีกโลกใต้ จะระบาดในช่วงเดือนก.ค. - ส.ค. ส่วนประเทศไทยที่อยู่ในเขตร้อนชื้นจะมีช่วงระบาด 2 ช่วง คือ ช่วงโรงเรียนเปิดเทอมแรกตั้งแต่มิ.ย. - ส.ค. และเปิดเทอมที่สอง ช่วงเดือนพ.ย. - ม.ค. คาดว่าโรคระบาดนี้มาสู่ประเทศไทยตามฤดูกาล
“ ไม่อยากให้คนไทยตื่นตระหนก อยากฝากว่าใครที่มีอาการไม่จำเป็นต้องมาตรวจทุกราย เพราะกระบวนการรักษายังเหมือนเดิมไม่มีเปลี่ยนแปลง แต่จะทำให้เมื่อมีคนมาตรวจจำนวนมาก ภาระจะล้นมือ และบุคคลากรแทนที่จะไปทุ่มอยู่กับคนที่มีภาวะเสี่ยงกลับต้องมาต้องดูแลทุกคน ” นพ.ยง กล่าว
ขณะที่นายวิทยา กล่าวว่า แนวทางที่กระทรวงสาธารณสุขดำเนินการอยู่คือ 1. จะให้ความรู้และแนวทางป้องกันสุขภาพกับประชาชนตามข้อเท็จจริง 2. ปรับปรุงระบบผู้เชื่อมต่อระหว่างโรงพยาบาลภาคเอกชนให้เข้าสู่ระบบ เพื่อติดตามตัวเลขผู้ป่วยที่แท้จริง ซึ่งเบื้องต้นจะให้รายงานตัวเลขผู้ป่วยในระยะแรกเท่านั้น เพราะมีผลกระทบต่อจิตใจของประชาชน
3. ใช้มาตรการดูแลกลุ่มผู้ป่วยเสี่ยงอย่างเข้มงวด โดยเบื้องต้นได้หารือกับสำนักงานหลักประกันสุขภาพ (สป.สช.) เพื่อให้ประสานไปยังกลุ่มผู้เสี่ยงจำนวน 2 ล้านว่า หากพบว่ามีอาการป่วยให้ประสานกับกระทรวงสาธารณสุขทันที โดยต้องแจ้งไปยังกลุ่มเสี่ยงดังกล่าวห้แล้วเสร็จใน 2 สัปดาห์ 4. รณรงค์ให้ประชาชนทั่วไป และโรงพยาบาลทุกแห่งให้สวมหน้ากากอนามัย โดยให้เห็นว่าการสวมหน้ากากเป็นเรื่องปกติและเป็นการแสดงความรับผิดชอบต่อสังคม ซึ่งจะเริ่มต้นที่โรงพยาบาลก่อน
“ กระทรวงสาธารณสุขได้รับการสนับสนุนจากองค์การอนามัยโลก ในการผลิตวัคซีน ซึ่งเชื้อที่จะนำมาผลิตเป็นวัคซีนมาจากประเทศรัสเซีย โดยในวันอาทิตย์ที่ 12 ก.ค.นี้ นายกรัฐมนตรีจะเดินทางไปเปิดโรงงานผลิตและวิจัย วัคซีนป้องกันหวัดสายพันธ์ใหม่ ที่มหาวิทยาลัยศิลปากร วิทยาเขตนครปฐม ส่วนการสั่งจองวัคซีนไทยได้สั่งจององค์การอนามัยโลก โดยเราได้โควต้า 2 ล้านโดส คาดว่าจะมาถึงไทยในเดือนต.ค.นี้ ” รมว.สาธาณสุข กล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่า ขณะนี้ฝ่ายค้านโจมตีรมว.สาธารณสุขว่าไม่มีผลงาน จะชี้แจงอย่างไร รมว.สาธารณสุข กล่าวว่า ต้องขอดูข้อมูลจากฝ่ายค้านก่อน ส่วนเรื่องการปรับครม.ตนไม่สามารถตอบได้ และการประเมินผลงานของตัวเองก็ไม่สามารถทำได้ เพราะถือเป็นเรื่องที่ฝ่ายค้านจะต้องตอบเอง
นพ.บุรณัชย์ สมุทรักษ์ โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงข้อเสนอให้รัฐบาลประกาศให้การแก้ปัญหานี้เป็นวาระแห่งชาติว่า รัฐบาลได้ประกาศเรื่องนี้เป็นวาระแห่งชาติไปแล้ว ตั้งแต่วันที่ 25 เม.ย.ที่ผ่านมา หลังจากพบผู้ป่วยคนแรกในประเทศไทย
นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม รองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวสรุปการหารือว่า ที่ประชุมได้หารือใน 4 ประเด็น คือ 1. แนวทงการทำงานของกระทรวงสาธารณสุข เป็นไปตามมาตรฐานขององค์การอนามัยโลก 2. ที่ประชุมได้กล่าวชื่นชมกระทรวงสาธารณสุขที่ได้ให้ข้อมูลแก่ประชาชนโดยไม่ปิดบังเหมือนรัฐบาลที่ผ่านมา
3. ชื่นชมการเปิดให้ประชาชนเข้าถึงยาทามิฟูลอย่างไร้ปัญหา และ 4. ที่ประชุมได้มีการเสนอให้กระทรวงสาธารณสุขขอความร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ กระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงแรงงาน อสม.ทั่วประเทศ ให้รณรงค์และยับยั้งการแพร่ระบาด โดยเฉพาะกระทรวงศึกษาฯ ที่มีกลุ่มเด็กตั้งแต่อายุ 11-21 ปี จะเป็นไข้หวัดกันมาก ถ้าเข้าร่วมรณรงค์กันได้ก็จะหยุดการแพร่ระบาดได้ระดับหนึ่ง ขณะที่กระทรวงแรงงานจะต้องประสานไปยังสถานประกอบการต่าง ๆ ให้รณรงค์ให้ทุกคนตื่นตัว