นักวิชาการห่วง เด็กไกลวัด วอนสถานศึกษาช่วย

วันนี้ (7 ก.ค.) นายวินิจ โชติสว่าง อธิการบดีมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคล (มทร.) อีสาน กล่าวถึงบทบาทและหน้าที่ของมหาวิทยาลัยในการจัดการเรียนการสอนด้านคุณธรรมจริยธรรมแก่นักศึกษา

เนื่องจากผลวิจัยของศูนย์คุณธรรมเกี่ยวกับคุณลักษณะ และกระบวนการปลูกฝั่งคุณธรรม จริยธรรมในประเทศไทย พบว่าสถานศึกษาเป็น 1 ใน 3 อันดับแรกที่พ่อแม่ผู้ปกครองเห็นว่าควรมีบทบาทหน้าที่ในการปลูกฝั่งคุณธรรมให้แก่เด็กว่า การเปิดหลักสูตรคุณธรรมให้นักศึกษาเลือกเรียน เชื่อว่าทุกมหาวิทยาลัยทำการเปิดสอน แต่คงไม่เปิดสอนเป็นหลักสูตรโดยตรง เพราะหากเปิดสอบโดยตรงให้นักศึกษาเรียน หรือเปิดให้เลือกเรียน คงมีส่วนน้อยเท่านั้นที่เรียน เพราะ นักศึกษามองว่าคุณธรรมจริยธรรมเป็นเรื่องน่าเบื่อ เกือบทุกมหาวิทยาลัยจึงสอดแทรกลงในหลักสูตรที่เปิดสอน การจัดโครงสร้างหลักสูตรและกิจกรรมการเรียนการสอนมหาวิทยาลัยจะเน้นปลูกฝั่งคุณธรรมจริยธรรมแก่นักศึกษา โดยสอดแทรกลงในหลักสูตรเนื้อหาวิชา เชื่อมโยงบทเรียนกับการปฏิบัติตน การทำความดี จิตสาธารณะ บำเพ็ญประโยชน์แก่ผู้อื่น และได้มอบหมายให้ครูคณาจารย์ ต้องมีบทบาทสำคัญในการดึงคุณงามความดีที่มีอยู่ในตัวนักศึกษาออกมา เชื่อว่านักศึกษาทุกคนล้วนมีจิตใจใฝ่ดี  เพียงแต่บางคนไม่รู้ว่าตัวเองมีมากหรือน้อย  

"ไม่ใช่เรื่องแปลกที่สถานศึกษาจะทำหน้าที่ปลูกฝั่งคุณธรรมจริยธรรมให้แก่เด็กแทนวัด หรือสถาบันทางศาสนา เพราะต้องยอมรับว่าเด็กไทยค่อนข้างไกลวัด และหากมหาวิทยาลัย โรงเรียน ไม่เชื่อมโยงกิจกรรมให้วัดใกล้เด็ก จัดกิจกรรมเข้าวัด พวกเขาคงไม่สนใจสถาบันทางศาสนา เนื่องจากสังคมมีสิ่งเร้าที่น่าสนุก ตื่นเต้นมากมายกว่าการเข้าวัด ครูอาจารย์ทุกมหาวิทยาลัย ทุกโรงเรียนจึงต้องช่วยกันคิดจัดกิจกรรมที่กระตุ้นให้นักศึกษามีความสุขและกล้าทำความดี" อธิการบดี มทร.อีสาน กล่าว  

วันเดียวกัน  "สวนดุสิตโพล" ออกแบบสอบถามเสียงสะท้อนจาก "พระภิกษุสงฆ์" ที่อยากฝากถึงโยก ณ วันนี้

ระบุปัญหาสังคมไทยที่หนักหนาที่สุด คือ การแตกแยกทางความคิด/ความขัดแย้ง แบ่งพรรค แบ่งพวก เป็นปัญหาสำคัญสุด แนะควรแก้ไขที่ตัวบุคคล ต้นเหตุ ลดทิฐิหันหน้าเข้าหากัน และคุยกันอย่างสันติวิธี นอกจากนี้ มีปัญหา ห่างไกลวัด ศาสนา ศีลธรรม การติดพนัน และสิ่งมึนเมา โดยพระภิกษุขอให้ญาติโยมใช้ชีวิตอย่างมีสติ และไม่ประมาท