เมื่อวันที่ 16 มิ.ย. ผู้สื่อข่าวเดินทางไปที่โรงเรียนพรหมพิราม จ.พิษณุโลก หลังทราบว่า มีเด็กนักเรียนร่างแคระเรียนอยู่ที่โรงเรียนดังกล่าว และเป็นขวัญใจของนักเรียนทั้งโรงเรียน
ทราบว่า ชื่อนายอมรเทพ หรือท็อป ชอบทองหลาง อายุ 15 ปี นักเรียนชั้นม.4 โดยมีรูปร่างเล็กกว่าเด็กวัยเดียวกันมาก สูงเพียง 116 เซนติเมตร หนัก 23 กิโลกรัม โดยเป็นขวัญใจโรงเรียน และเพื่อนนักเรียนทุกคน ตั้งแต่ ม.1-ม.6 ต่างรู้จักและแสดงความรักความเอ็นดู ไม่ว่าจะเดินไปทางไหน เพื่อนๆ ต่างเรียกน้องท็อปด้วยความเอ็นดู แต่ระดับสติปัญญาและการเรียนรู้ สามารถร่วมกิจกรรมกับเพื่อนๆ ชั้นม.4 ได้ทุกอย่าง แต่น้องท็อปมีความสนใจด้านการดนตรีเป็นพิเศษ
นายอมรเทพ เปิดเผยประวัติส่วนตัวว่า เกิดวันที่ 5 ก.ย.2536 เป็นลูกชายคนเดียวของนายไพฑูรย์ ชอบทองหลาง อายุ 45 ปี และนางสุรินทร์ ชอบทองหลาง อายุ 46 ปี
อยู่บ้านเลขที่ 6 บ้านคลองมาแพลบ ต.ศรีภิรมย์ อ.พรหมพิราม จ.พิษณุโลก เรียนชั้นป.1-ป.6 ที่โรงเรียนวัดคลองมะเกลือ เรียนชั้น ม.1-ม.3 ที่โรงเรียนคลองมะเกลือ ขณะนี้กำลังเรียนชั้น ม.4 ที่โรงเรียนพรหมพิรามวิทยาคม "ผมเริ่มรู้ตัวว่าร่างกายเติบโตผิดปกติเมื่ออายุประมาณ 8-9 ขวบ ขณะนั้นเรียนอยู่ชั้นป.3-ป.4 พ่อและแม่พาไปตรวจร่างกายที่โรงพยาบาลศิริราช แพทย์บอกว่าร่างกายขาดฮอร์โมนการเจริญเติบโต แพทย์ให้ยามากิน แต่ก็ไม่โตขึ้น และก็ไม่ได้รักษาต่อ จริงๆ แล้วก็อยากมีร่างกายที่สูงใหญ่เหมือนเพื่อนๆ เหมือนกัน" น้องท็อป กล่าว
ด้านนางสุรินทร์ ชอบทองหลาง แม่น้องท็อป กล่าวว่า ตอนแรกเกิด น้องท็อปมีน้ำหนักตัว 3.2 กิโลกรัม ช่วงเล็กๆ ก็เจริญเติบโตเหมือนเด็กปกติทั่วไป มาผิดปกติเมื่ออายุประมาณ 9 ขวบ
ขณะนั้นเรียนอยู่ชั้นป.3 ร่างกายไม่เจริญเติบโตเหมือนเพื่อนๆ จึงพาไปพบหมอที่โรงพยาบาลศิริราช แพทย์วินิจฉัยว่าร่างกายขาดฮอร์โมนเจริญเติบโต แพทย์บอกว่ามีวิธีการรักษาโดยการฉีดยาทุกเดือน ค่าใช้จ่ายประมาณปีละ 120,000 บาท และไม่รับประกันว่าจะรักษาให้เจริญเติบโตได้หรือไม่ เป็นเหมือนการทดลอง ตนและสามีตัดสินใจไม่ฉีดยา เพราะค่าใช้จ่ายสูง ครอบครัวมีอาชีพค้าขายของในหมู่บ้านไม่มีเงินมากพอ แพทย์ให้ยามากิน และกินจนหมดและไม่ได้รับการรักษาต่อ
นางสุรินทร์ กล่าวต่อว่า เมื่อวันที่ 9 มิ.ย.ที่ผ่านมา พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าศรีรัศมิ์ พระวรชายาในสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร เสด็จเยี่ยมและติดตามการดำเนินงาน "โครงการสายใยรักแห่งครอบครัว"
ที่วัดใหม่โพธิ์งาม ม.9 ต.ศรีภิรมย์ อ.พรหมพิราม พระองค์ทรงเมตตาให้มารักษาตัวที่โรงพยาบาล พุทธชินราช จ.พิษณุโลก โดยพาน้องท็อปมาตรวจร่างกายได้ 2 ครั้งแล้ว ล่าสุด เมื่อวันที่ 16 มิ.ย. พามาตรวจเลือด แพทย์ระบุว่าร่างกายขาดฮอร์โมนทุกอย่าง โดยเฉพาะฮอร์โมน ไทรอยด์ ที่มีผลต่อระบบความคิด ถ้าไม่รักษาจะทำให้ระบบความจำเสื่อมลงไปเรื่อยๆ ขณะนี้แพทย์นัดมาตรวจเลือดทุกเดือน พร้อมให้ยาไปกินควบคู่กันไป จะตรวจอีกครั้งในวันที่ 4 ส.ค.นี้ จะรู้ว่าต้องรักษาแบบไหนต่อไป ขณะนี้เริ่มมีความหวังบ้าง
นางสุรินทร์ กล่าวอีกว่า น้องท็อปสามารถเข้าสังคมและเพื่อนๆ ทั่วไปได้ดี ไปโรงเรียนก็เข้ากับเพื่อนร่วมชั้นได้ดี สมัยชั้นประถมฯ สอบได้ที่ 1-3 ตลอด
แต่ขึ้นมัธยมเกรดเริ่มตกได้แค่ 2 กว่าๆ เมื่อกลับมาบ้านชอบเล่นกับเด็กอายุ 2-3 ขวบ กีฬาที่ชอบมากที่สุดคือเปตอง และชอบเล่นดนตรี โดยชอบเล่นกลอง เคยไปสมัครเข้าชมรมดนตรี แต่ร่างกายเล็ก ครูให้เล่นฟลุต เขาเคยบอกอยากเป็นทหาร ตนก็ได้แต่บอกลูกว่า ร่างกายเราเป็นอย่างนี้คงเป็นทหารไม่ได้ ช่วงหลังๆ ชอบทางด้านอิเล็กทรอนิกส์ ตนให้เรียนในชั้นสามัญไปก่อน แล้วค่อยไปศึกษาต่อด้านอาชีพสายอิเล็กทรอนิกส์ในภายหลัง
นายชูชาติ อุทะโก ผอ.โรงเรียนพรหมพิรามวิทยาคม เปิดเผยว่า ตั้งแต่น้องท็อปเข้ามาเรียนชั้นม.4 สร้างสีสันให้กับโรงเรียนอย่างมาก
เรียกว่าเป็นขวัญใจของโรงเรียนเลยทีเดียว สามารถเข้าเรียนและทำกิจกรรมกับเพื่อนๆ นักเรียนในชั้นเดียวกันทุกอย่าง ไปสมัครเข้าวงดุริยางค์ของโรงเรียนก็สามารถร่วมวงได้ดี