ไม่รู้เป็นลางบอกเหตุหรือไม่
กับเรื่องที่ฟ้าผ่าหลังคาตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล
ที่จู่ๆ รัฐบาลผสมของอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ซึ่งทะเลาะกันเองอยู่ดีๆ
ก็เจอมรสุมไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่กับไฟใต้ ซัดกระหน่ำเข้าใส่พร้อมกันโดยมิได้นัดหมาย
จนรัฐบาลต้องละมือจากการตบตีกันเอง หันมาตั้งรับกับ 2 ปัญหาใหญ่ดังกล่าวอย่างจริงจัง
ตัวเลขจำนวนผู้ติดเชื้อไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ พุ่งกระฉูดจากไม่กี่คนกลายมาเป็นทะลุหลักร้อยภายในเวลาสัปดาห์เดียว
กระทรวงสาธารณสุขที่กระมิดกระเมี้ยนอยู่นานต้องยอมฉีกหน้าตัวเอง ประกาศยอมรับว่าขณะนี้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่
เป็นโรคระบาดในไทยเต็มรูปแบบ
ถึงไม่ใช่โรคอันตรายร้ายแรงเพราะอัตราการรักษาหายมีสูง ขณะที่อัตราการเสียชีวิตค่อนข้างต่ำ
แต่ลักษณะการแพร่ระบาดจากคนสู่คนอย่างรวดเร็ว
โดยเฉพาะในหมู่เด็กนักเรียนทำให้ต้องสั่งปิดโรงเรียนไปแล้ว 3 แห่ง เป็นโรงเรียนดังกลางเมืองหลวง 2 แห่ง และโรงเรียนอนุบาลในปทุมธานีอีก 1 แห่ง
สร้างความตระหนกตกใจให้กับบรรดาพ่อแม่ผู้ปกครองไม่น้อย
แล้วก็เป็นอะไรที่สร้างความหนักอกหนักใจให้กับรัฐบาลไม่แพ้กัน
ก็คือปัญหาไฟใต้ที่เริ่มปะทุรุนแรงขึ้นอีกครั้ง
จากกรณีกลุ่มคนร้ายกราดยิงมัสยิดในอ.เจาะไอร้อง จ.นราธิวาส ขณะกำลังทำพิธีละหมาดจนมีผู้เสียชีวิต 10 ราย การสังหารหญิงสาวท้องแก่ การกราดยิงพระสงฆ์ขณะออกบิณฑบาต
รวมถึงการฆ่ากันตายรายเล็กรายน้อยอีกจำนวนมาก
เหตุการณ์เหล่านี้สะท้อนได้อย่างดีถึงประสิทธิภาพการทำงานของรัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์ ที่ในสมัยเป็นฝ่ายค้านเคยวิพากษ์วิจารณ์การทำงานของรัฐบาลอื่นไว้เสียเละเทะ
ต้องติดตามดูกันว่าในวาระแถลงผลงานครบรอบ 6 เดือนในอีกไม่กี่วันข้างหน้า
รัฐบาลจะพูดถึงผลงานการแก้ปัญหาไฟใต้อย่างไร
อาจจะเชยบ้างกับการเรียกร้องให้รัฐบาลลดละเลิกการทะเลาะกันเรื่องผลประโยชน์ของตัวเอง แล้วหันมาเอาใจใส่กับชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนให้มากขึ้น
แต่ก็ต้องเรียกร้องกัน
เพราะไม่ว่าเรื่องหวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ หรือปัญหาไฟใต้จะเป็นบทพิสูจน์ฝีมือรัฐบาลชุดนี้
ว่าถนัดทำงานบริหารบ้านเมืองขนาดไหน
หรือถนัดแต่บริหารการเมืองอย่างเดียว