เอพีรายงานเมื่อ 13 มิ.ย. ว่า ประธานาธิบดีมาห์มู้ด อาห์มาดิเนจัด ผู้นำอิหร่านจากกลุ่มสายเคร่งที่วางตัวไม่ลงรอยกับชาติตะวันตก
ชนะการเลือกตั้งที่รักษาตำแหน่งประธานาธิบดีต่อไปอีก 4 ปี ด้วยคะแนนนำขาด ถึงร้อยละ 62.6 ทิ้งห่างนายเมียร์ ฮอสเซน มูซาวี อดีตนายกรัฐมนตรีสายกลาง ที่ได้คะแนนร้อยละ 33.75 ในการแข่งขันระหว่างกลุ่มคนยากจนที่สนับสนุนนายอาห์มาดิเนจัด กับกลุมชนชั้นกลางที่หนุนนายมูซาวี
นายซาเด็ก มาห์ซูลี รมว.มหาดไทย แถลงผลการเลือกตั้ง พร้อมแจกแจงว่า มีผู้ใช้สิทธิ์ลงคะแนน 39.1 ล้านคน คิดเป็นร้อยละ 85 ของประเทศ นายอาห์มาดิเนจัดได้คะแนนถึง 24.5 ล้านเสียง ส่วนนายมูซาวี ได้ 13.2 ล้านเสียง แต่ในเมืองหลวงคือกรุงเตหะราน นายมูซาวีมีคะแนนสูงกว่า
อยาตอลเลาะห์ อาลี คาเมนี ผู้นำสูงสุดอิหร่าน กล่าวยินดีกับนายอาห์มาดิเนจัด ว่า ชัยชนะที่ถล่มทลายนี้เป็นการเฉลิมฉลองที่แท้จริง และการที่คนออกมาลงคะแนนถึง 24 ล้านคน แสดงถึงความก้าวหน้าของประเทศ
อยางไรก็ตาม กลุ่มคนหนุ่มสาวในเมืองหลวงที่สนับสนุนนายมูซาวี ต่างพากันผิดหวัง และมีบางกลุ่มที่อาละวาดจุดไฟเผายางรถยนต์ จนปะทะกับตำรวจจลาจล ถูกตำรวจใช้กระบองฟาดไปหลายราย ส่วนในเว็บไซต์ของนายมูซาวี ประณามผลการเลือกตั้งว่า "ผูกขาด" ส่วนเว็บไซต์ที่สนับสนุนนายมูซาวีหลายแห่งถูกบล็อก หรือเข้าได้ยากมาก
ด้านสำนักข่าวเอเอฟพีรายงานว่า ชัยชนะของนายอาห์มาดิเนจัด วัย 52 ปี ตอกย้ำถึงการเป็นขวัญใจคนยากคนจนของอิหร่าน หลังทุ่มงบประมาณในชนบท รวมถึงเดินสายเยือนต่างจังหวัดสม่ำเสมอ แต่ขณะเดียวกันก็เป็นอริที่ชาติตะวันตกต้องทนไปอีก 4 ปี หลังจากผู้นำสายเคร่งกล่าว วาทะโจมตีอิสราเอลและการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ชาวยิวที่ขัดแย้งกับชาติตะวันตกมาหลายครั้ง