ผู้สื่อข่าวรายวันนี้ (5 มิ.ย.) ว่า ทางทีมสัตวแพทย์และพี่เลี้ยงที่เฝ้าติดตามพฤติกรรมการพัฒนาของแพนด้าหลินฮุ่ยและแพนด้าน้อย
ได้สังเกตพบว่า หลินฮุ่ยได้เริ่มสนใจหันมากินไผ่ลูกศร เป็นจำนวนมากสร้างความพอใจให้แก่ทีมงานหลังจากที่เกิดลูกมานานร่วม 9 วันแล้ว ซึ่งสิ่งที่สร้างความแปลกใจให้กับทีมงานเมื่อหลินฮุ่ยกำลังกินไผ่ลูกศรอย่างเอร็ดอร่อย ขณะที่ แพนด้าน้อย ได้ส่งเสียงร้องเมื่อแม่ไม่ให้ความสนใจ จนหลินฮุ่ยต้องปลอบและเห็นว่าลูกน้อยหยุดดิ้นหลินฮุ่ยได้ทำการวางลูกไว้บนพื้นอย่างค่อยๆ ถือว่าเป็นครั้งแรกในรอบ 9 วันที่หลินฮุ่ยวางลูกลงพื้น
ด้านนายประเสริฐศักดิ์ บุญตระกูลพูนทวี หัวหน้าโครงการวิจัยและส่วนจัดแสดงหมีแพนด้าในประเทศไทย กล่าวถึงพัฒนาการของแพนด้าน้อยว่า
มีพัฒนาการที่ดีขึ้นมากและมีความแข็งแรงสามารถยืนบนพื้นและนอนบนพื้นได้ทำให้แม่หลินฮุ่ยมีความสบายใจ จากการสังเกตหลินฮุ่ยมีวิธีการที่จะเลี้ยงลูกมาเป็นลำดับตามขั้นตอน ซึ่งในตอนที่ลูกออกมาใหม่ๆ จะรักลูกและหวงลูกมากจะอุ้มไว้ในอ้อมกอดตลอดเวลา เมื่อล่วงเลยเข้าสู่วันที่ 7-8 หลินฮุ่ยจะคอยสังเกตุลูกแพนด้าน้อยว่าจะแข็งแรงพอที่จะทนสภาพอากาศภายนอกได้หรือไม่ จึงทดลองปล่อยให้ลูกอยู่ห่างตัวมากขึ้น และเดินไปถ่ายมูลและปัสสาวะเสร็จก็รีบกลับมา ไม่ได้อุ้มลูกโดยทันทีแต่จ้องมองว่าลูกมีพฤติกรรมอย่างไร ตรงจุดนี้ถือเป็นพัฒนาการหนึ่งที่เรียนรู้ว่าลูกมีความแข็งแรงมากขึ้น
"สิ่งที่เราต้องการมากคืออยากให้หลินฮุ่ยกลับมากินไผ่และจับไผ่จับฉีกกินเองเหมือนปกติ ดังนั้นในการแยกแพนด้าน้อยออกไปตรวจในวันที่ 6 มิ.ย.นี้ ก็อยากจะเห็นหลินฮุ่ยใช้เวลาช่วงลูกน้อยออกไปตรวจร่างกายจะอาศัยในตอนนี้นั่งกินไผ่อย่างเอร็ดอร่อยอย่างสบายใจก็แสดงว่ากลไกการดำเนินชีวิตของหลินฮุ่ยกลับมาสู่ปกติแล้ว"ประเสริฐศักดิ์ กล่าว และว่า หลินฮุ่ยวางใจปล่อยให้ลูกอยู่ห่างตัวมากขึ้น เราจะได้เห็นพัฒนาการต่อไปว่าแพนด้าน้อยจะได้เสริมความแข็งแรงของขาในการที่จะตะกายเคลื่อนไหว
ผู้สื่อข่าวได้ถามถึงเรื่องโดมหิมะ ที่สร้างเสร็จใกล้จะสมบูรณ์แล้วจะมีการทดลองนำช่วงช่วงและหลินฮุ่ย เข้าไปสัมผัสหิมะได้เมื่อไหร่
นายประเสริฐศักดิ์ กล่าวว่า การจะนำแพนด้าเข้าไปต้องทำตามฤดูกาลโดยในช่วงที่บ้านเราเป็นฤดูหนาวก็คงจะเริ่มในเดือนธันวาคม,มกราคม และกุมภาพันธ์ แต่ในช่วงนี้ก็จะให้นักท่องเที่ยวได้เข้าไปชมก่อน ในขณะเดียวกันก็จะมองจุดบกพร่องต่างๆ เพื่อจะได้แก้ไขได้ทันที
ด้านสัตวแพทย์หญิง กรรณิการ์ นิ่มตระกูล สัตวแพทย์ กล่าวเสริมว่า แพนด้าหลินฮุ่ย ได้วางลูกลงกับพื้นและแยกตัวออกไปขับถ่าย
และเดินกลับมานอนดูลูกช่างเป็นภาพที่น่าประทับใจ เหมือนต้องการตรวจสอบลูกน้อย ว่าลูกสามารถอยู่ด้วยตัวเองได้หรือไม่ "การที่มีหลายคนมองว่าหลินฮุ่ย ได้ทิ้งลูกก็ขอบอกว่าไม่ได้ทิ้ง เพราะตามปกติหมีแพนด้าเขาจะห่วงเรื่องการกินเป็นอันดับหนึ่ง อะไรก็จะมาแย่งอาหารไม่ได้ เพราะฉะนั้นแม่หมีแพนด้าทั่วไป จะมองว่าการที่มีลูกก็ไม่ได้หมายความว่าลูกจะเด่นขึ้นมาแทนที่อาหาร โดยทั่วไป 80% ที่ทางนายเว่ยหมิงผู้เชี่ยวชาญชาวจีนได้เคยเจอมาโดยทั่วไปแม่หมีแพนด้าเกิดลูกขึ้นมา 24 ชั่วโมงก็จะเริ่มกินไผ่และจังหวะที่หิวจัดๆเขาก็จะวางลูกไว้บนพื้นและจะไปกินอาหารให้ตัวเองอิ่มท้องและกลับมาดูแลลูกอีก ซึ่งไม่มีตัวไหนเหมือนหลินฮุ่ย" สัตวแพทย์หญิง กล่าว และว่า ขนาดผู้เชี่ยวชาญของจีน ได้เห็นแล้วยังส่ายหน้าว่าหลินฮุ่ยไม่ได้ห่วงตัวเอง อยู่กับลูกมา 8 วัน เพิ่งจะมาวางในวันที่ 9 ให้น้ำหนักกับลูกมากกว่าอาหารด้วยซ้ำ
สัตวแพทย์ยกนิ้วหลินฮุ่ย สุดยอดคุณแม่
สัตวแพทย์หญิง กล่าวว่า จากพฤติกรรมความรักของหลินฮุ่ยที่มีต่อลูกน้อย ขอเรียกว่า"โครตคุณแม่"หรือ "ซุปเปอร์มัม"
โดยซุปเปอร์มัมแพนด้าตัวแรกอยู่ที่ประเทศญี่ปุ่น ที่ต้องเลี้ยงลูปแฝดด้วยตัวเอง จึงได้ฉายาตำแหน่งซูปเปอร์มัม แต่กับหลินฮุ่ยถึงแม้อาจจะไม่ซุปเปอร์เท่า แต่ดูแล้วก็อยากจะให้เป็นซุปเปอร์มัม ก็คือหลินฮุ่นอดทนไม่กินอะไรเลยนานถึง 7-8 วัน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 16.00 น.วันเดียวกันนี้ นายนิพนธ์ วิชัยรัตน์ ผช.ผอ.สวนสัตว์เชียงใหม่ ได้นำสื่อมวลชนได้เข้าชมความคืบกน้าของโดมหิมะ
บ้านใหม่สำหรับหมีแพนด้า ที่ทางองค์การสวนสัตว์ได้ทำการสร้างโดยใช้งบประมาณ 60 กว่าล้านบาทที่ใกล้เสร็จสมบูรณ์แล้วโดยเหลือการตกแต่งอีกเพียงเล็กน้อย เท่านั้นและให้เหมาะสมในการเลี้ยงหมีแพนด้า โดยได้มีการทดสอบระบบการผลิตหิมะให้ใกล้เคียงธรรมชาติมากที่สุด โดยเปิดระบบมาถึง - 10 องศาเซลเซียส เมื่อพ่นน้ำเย็น 5 องศาเข้ามาทำให้ทำให้กลายเป็นฝอยหิมะปกคลุมไปทั่วโดมทีมีความกว้าง พื้นที่ 600ตาราง เมตร สูง 8.5 เมตรตกแต่งในรูปแบบกำแพงเมืองจีนและซุ่มประตูจีน สวยงามตระการตามาก โดยทางสวนสัตว์ ได้เชิญนายเว่ยหมิง ผู้เชี่ยวชาญการดูแลแพนด้าชาวจีนมาดูโดมหิมะ ว่าจะใช้เลี้ยงแพนด้าได้หรือไม่ นายเว่ยหมิงได้ตรวจสอบแล้วระบุว่าหิมะผลิตออกมาที่ปกคลุมขาวโพนและสภาพอากาศ คล้ายหิมะที่ตกในประเทศจีนมาก การออกแบบภายใน ก็สามารถนำหมีแพนด้าเข้าไปเลี้ยงได้ แต่ต้องทำการฝึกและทดลองตามลำดับๆไป
นายนิพนธ์ ได้เปิดเผยว่าสำหรับโดมหิมะนี้ยังไม่ได้กำหนดวันเปิดให้เข้าชม ต้องรอการประชุมคณะกรรมการภายในสวนสัตว์เชียงใหม่ก่อน
โดยในวันที่ 6 มิ.ย. ทางนายอมรพันธ์ นิมานันท์ ผวจ.เชียงใหม่จะเดินทางมาร่วมประชุมกับทางสวนสัตว์เชียงใหม่เรื่องการทำพิธี สู่ข้าวเอาขวัญแพนด้าน้อย และคงจะมีการพูดคุยถึงเรื่องโดมหิมะด้วยเพราะชาวเชียงใหม่และจังหวัดใกล้ เคียงได้ให้ความสนใจมากเพราะประเทศเราไม่มีหิมะตก จึงเป็นที่ต้องชมมาก ตนได้เข้าไปตรวจสอบถายในแล้ว ได้ปรึกษาทางผู้เชี่ยวชาญด้านหิมะ ก็จะให้มีความหนาของหิมะภายในโดมประมาณ 10 ซม.ก็จะสมบูรณ์แบบ แต่ขอบอกว่าความงดงามของหิมะและบรรยากาศที่ตกแต่งแบบเมืองจีนเหมือนกับเราไป ต่างประเทศทีมีหิมะตกจริงๆ