อันเป็นคำสั่งเสียสุดท้ายของแม่ที่เสียชีวิตว่าอยากให้ตามหาพ่อ ซึ่งเชื่อว่าจะต้องแวะมาที่วัดนี้เนื่องจากเป็นสถานที่สาบานรักของทั้งคู่
หลังการตามหาอยู่พักใหญ่จนมีผู้สื่อข่าวไปพบ และนำเสนอเรื่องราวนำมาสู่ความสนใจของสาธารณชน
หน่วยงานราชการและเอกชนยื่นมือเข้าช่วยเหลือด้วยความเห็นใจ
"เคอิโงะ" กลายเป็นคนดังในพริบตา นำไปสู่การตามตัว "นายคัตซูมิ ซาโต" บิดาจนพบ จากการประสานของสถานทูตญี่ปุ่นประจำประเทศไทย
แม้วันนี้หนูน้อยยังไม่มีโอกาสพบหน้าบิดาบังเกิดเกล้า แต่ก็ได้โทรศัพท์พูดคุยข้ามประเทศ และ "นายคัตซูมิ ซาโต" มีกำหนดเดินทางมาพบหน้าลูกชายที่เมืองไทยในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า
ชีวิตของ "เคอิโงะ" ที่ถ่ายทอดผ่านสื่อมวลชน กลายเป็นแรงบันดาลใจให้ลูกครึ่งไทย-ญี่ปุ่น อีกจำนวนมากในเมืองไทย เปิดตัวเพื่อตามหาพ่ออย่างต่อเนื่อง
จากการรวบรวมพบว่านอกจาก "เคอิโงะ" แล้ว มีเด็กลูกครึ่งไทย-ญี่ปุ่น เปิดตัวออกมาอีกถึง 10 คนด้วยกัน!!!
นี่ยังไม่นับลูกครึ่งชาติอื่นๆ อีกจำนวนหนึ่ง
ลูกครึ่งไทย-ญี่ปุ่นรายที่ 2 ซึ่งออกมาขอความช่วยเหลือเป็นเด็กสาววัย 18 ปี คือ น.ส.นารูมิ ฮามาดะ หรือน้องยุ้ย นักศึกษาปีที่ 2 สาขาวิชาเครื่องปั้น วิทยาลัยอาชีวศึกษา จ.เชียงใหม่
นางสังวาลย์ บำรุง อายุ 44 ปี มารดาเป็นคนพาออกมาขอความช่วยเหลือจากหน่วยงานราชการเมื่อวันที่ 20 พฤษภาคม โดยระบุว่าพ่อของน้องยุ้ยชื่อนายเรียวอิจิ ฮามาดะ ปัจจุบันอายุ 45 ปี ที่อยู่เดิม บ้านเลขที่ 1677-2 ต.อเนงาซากิ อ.อิจิฮาราชิ จ.ชิบาเคน
นายเรียวอิจิ เคยมาทำงานในเมืองไทยและแต่งงานกับนางสังวาลย์ ก่อนพาไปอยู่ประเทศญี่ปุ่น จนเมื่อตั้งท้องก็ต้องกลับมาเมืองไทยเนื่องจากป่วยเป็นโรคไทรอยด์ ซึ่งกฎหมายญี่ปุ่นห้ามมีบุตร
เมื่อคลอดน้องยุ้ยออกมาพบว่ามีปัญหาหูซ้ายพิการ
นายเรียวอิจิ แวะมาหาลูก-เมียที่เมืองไทยอีกหลายครั้งพร้อมส่งเงินมาช่วยเหลือ จนเมื่อน้องยุ้ยอายุได้ 5 ขวบก็ขาดการติดต่อไป!??
"ก่อนหน้านี้ใช้ความพยายามออกตามหามาแล้วแต่ต้องผิดหวัง จนเมื่อเห็นข่าวของเคอิโงะ จึงเกิดแรงหนุนตัดสินใจเปิดตัวออกมาขอความช่วยเหลือจากสื่อ"
นางสังวาลย์ กล่าว
ขณะที่น้องยุ้ย บอกว่า
ที่ต้องการเพียงพบหน้าพ่อสักครั้ง เนื่องจากเคยเจอสมัยที่เด็กมาก เพียงได้รู้ว่ามีชีวิตอยู่ก็พอ
ถัดจากรายน้องยุ้ยเพียง 2 วัน สังคมก็ต้องสลดอีกเมื่อ ด.ช.ยามาโตะ นิอึมือระ อายุ 10 ขวบ หรือน้องแต่แต๊ นักเรียนชั้น ป.4 โรงเรียนเทศบาลวัดพวกช้าง อ.เมือง จ.เชียงใหม่ เข้าร้องขอความช่วยเหลือตามหานายมาซาโตะ นิอึมือระ อายุประมาณ 30 ปี บิดา
ด.ช.ยามาโตะ อาศัยอยู่กับครอบครัวนางปิยะฉัตร อาหมัด เพื่อนบ้าน ที่เลี้ยงดูมาตั้งแต่อายุเพียง 2 ขวบครึ่ง
นายมาซาโตะ เคยมาทำงานเมืองไทยและอยู่กินกับน.ส.รัตนา ขันทอง ชาวไทยใหญ่ โดยเช่าบ้านอยู่ใกล้กับนางปิยะฉัตร
หลังคลอดลูกไม่นาน น.ส.รัตนา ก็เสียชีวิต นายมาซาโตะ จึงเลี้ยงดูลูกมาอีก 2 ปี และเตรียมพากลับไปอยู่ญี่ปุ่น แต่ติดขัดเรื่องสัญชาติ จึงฝากลูกให้นางปิยะฉัตร ช่วยดูแลระหว่างกลับไปเดินเรื่องที่ญี่ปุ่น
แต่นายมาซาโตะ ก็หายตัวไปเลย!??
ด.ช.ยามาโตะ ยิ่งน่าสงสารเพราะเป็นเด็กไร้สัญชาติ จ.เชียงใหม่ ต้องเข้าช่วยเหลือออกบัตรพิเศษให้อาศัยในพื้นที่ได้
นายโชติ ชิโมะโตะ อายุ 15 ปี เป็นลูกครึ่งญี่ปุ่นรายที่ 4 ซึ่งเปิดเผยตัวพร้อมนางสายฝน ชิโมะโตะ อายุ 45 ปี มารดา เพื่อให้ช่วยติดตามหาตัวนายมิคิโอะ ชิโมะโต อายุ 67 ปี
นางสายฝน เล่าว่า
อยู่กินกับสามีที่มาทำงานเมืองไทย จนตั้งท้องได้ 5 เดือน ก็พากันย้ายไปอยู่ญี่ปุ่น แต่เพียง 9 เดือนทนคิดถึงพ่อแม่ไม่ไหว จึงขอกลับมาอยู่เมืองไทย
ช่วงแรก นายมิคิโอะ ยังมาหาและพยายามชักชวนให้ไปอยู่ด้วยกันที่ญี่ปุ่น แต่นางสายฝน ผัดผ่อนเรื่อยมากระทั่งนายมิคิโอะ เริ่มห่างๆ ไป และไม่ติดต่อมาเลยนานกว่า 7 ปีแล้ว!!!
ถัดจากนั้นก็มี 3 พี่น้องลูกครึ่งไทย-ญี่ปุ่น ที่มีชีวิตยากลำบากอย่างยิ่งคือ ด.ช.มาซามิ ฮายาชิ อายุ 8 ขวบ ด.ญ.ยูกิ ฮายาชิ อายุ 6 ขวบ และด.ญ.มิโดริ ฮายาชิ อายุ 4 ขวบ ทั้งสามคนอาศัยอยู่กับยาย คือ นางแต๋ว แก้วน้ำเย็น อายุ 65 ปี ที่จ.นครราชสีมา
ด.ช.มาซามิ ยังป่วยเป็นโรคหืดหอบ และมีปัญหาเกี่ยวกับระบบทางเดินหายใจด้วย
พ่อของเด็กคือนายคาอิจิ ฮายาชิ ส่วนแม่คือนางประดับ แก้วน้ำเย็น
นางแต๋ว เล่าว่า
เมื่อ 10 ปีก่อน ลูกสาวไปทำงานประเทศญี่ปุ่น และแต่งงานอยู่กินกับนายคาอิจิ จนมีลูกด้วยกัน 3 คน จนเมื่อต้นปี 2551 ลูกสาวพาครอบครัวกลับมาเยี่ยมบ้าน และอยู่ด้วยกันระยะหนึ่ง ก่อนที่นายคาอิจิ จะกลับญี่ปุ่น แต่ส่งเงินมาให้ทุกเดือน
"จนเมื่อเดือนพฤษภาคม 2551 ลูกสาวก็เสียชีวิต เมื่อลูกเขยติดต่อมาทราบว่า นางประดับ เสียชีวิตแล้วก็หายหน้าไปเลย"
ยายแต๋ว กล่าวด้วยน้ำเสียงเศร้าว่า ทุกวันนี้ต้องเลี้ยงดูหลานอย่างยากลำบาก เนื่องจากอายุมาก เพียงรับจ้างเก็บมันได้วันละไม่กี่สิบบาทเท่านั้น
ชีวิตของ 3 พี่น้องรันทดกว่าเด็กอื่นๆ ทำให้หน่วยงานภาครัฐยื่นมือช่วยเหลือทั้งเรื่องทุนการศึกษา การดูแลความเป็นอยู่
แต่เหนือสิ่งอื่นใดคือเร่งติดต่อให้พ่อเด็กกลับมาดูแล
นายซาโตชิ คิยีม่า อายุ 15 ปี นักเรียนชั้น ม.3 โรงเรียนเทศบาล 1 วัดทุ่งสวน อ.เมืองกำแพงเพชร เป็นเด็กลูกครึ่งที่เปิดเผยชีวิตของตัวเองเพียงเพราะต้องการพบหน้าพ่อ หรือรู้ว่ายังมีชีวิตอยู่หรือไม่เท่านั้น
นายยูทากะ คิยีม่า อายุ 50 ปี เป็นพ่อของนายซาโตชิ ที่แต่งงานกับนางวารินทิพย์ ยอดสร้อย ที่ประเทศญี่ปุ่นและมีลูกด้วยกัน
เมื่อนายซาโตชิ อายุ 2 ขวบ แม่ก็พามาให้ยายช่วยเลี้ยงดูก่อนกลับไปทำงานที่ญี่ปุ่น
จนเมื่อปีที่แล้ว นางวารินทิพย์ กลับมาหาลูกก่อนเสียชีวิตด้วยอาการป่วย
นายซาโตชิ บอกว่า ทุกวันนี้มีความสุขดีที่ได้อยู่เมืองไทย แต่อยากเห็นหน้าพ่อสักครั้งเพราะจำหน้าแทบไม่ได้เลย
ด.ช.โทะซึกะ คาซึยะ หรือชื่อไทยว่า ด.ช.ปิยะ หล่อหลอม อายุ 12 ปี อยู่ชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 โรงเรียนบ้านนาปลากั้ง ต.นาพูน อ.วังชิ้น จ.แพร่ เป็นเด็กอีกคนที่ออกตามหาพ่อ โดยมีนางอุทิศ หล่อหลอม อายุ 44 ปี มารดา พาเข้าพบผู้สื่อข่าวให้ช่วยเป็นสื่อกลางตามหานายโทะซือกะ มาซายูกิ
นางอุทิศ แต่งงานกับสามีที่ญี่ปุ่นจนเมื่อลูกอายุ 5 ขวบ เธอก็ถูกตม.จับกุมเพราะหลบหนีเข้าเมือง ถูกส่งกลับเมืองไทยพร้อมลูกชาย และจากนั้นไม่นานสามีก็ขาดการติดต่อไป
ด.ญ.นุชรินทร์ หรือน้องมิลค์ สุชิยะ อายุ 14 ปี นักเรียนชั้น ม.2 โรงเรียนศาลาวิทยา อ.เกาะคา จ.ลำปาง เป็นเด็กคนที่ 10 ประกาศตามหาพ่อ
น้องมิลค์ เป็นลูกสาวของนายโตชิฮิโร่ สุชิยะ กับ นางพัชรินทร์ ไชยการ ซึ่งรู้จักกันที่เมืองไทยและแต่งงานกัน
ช่วงปี 2538 นางพัชรินทร์ กำลังตั้งครรภ์ได้ 6 เดือน นายโตชิฮิโร่ ซึ่งเป็นนักธุรกิจส่งออกดอกไม้ เดินทางกลับญี่ปุ่น
ช่วงแรกติดต่อกับเมียจนเมื่อลูกสาวอายุได้ 4 เดือนก็ขาดการติดต่อไป
นางพัชรินทร์ พาลูกสาวมาอาศัยอยู่กับแม่ ส่วนตัวเองไปทำงานที่จ.เชียงใหม่
สุดท้ายรายที่ 11 ด.ช.โนบุฮีโร่ นาคใหญ่ หรือ ซากาโมโต อายุ 14 ปี นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 รร.ประชามงคล อ.หนองปรือ จ.กาญจนบุรี ซึ่งเป็นนักเรียนประจำ ออกตามหาพ่อเช่นกันชื่อนายโยชิโนบุ ซากาโมโต้
การเปิดเผยชีวิตและขอความช่วยเหลือจากเด็กลูกครึ่งไทย-ญี่ปุ่นทั้งหมด บอกตรงกันว่า ส่วนหนึ่งได้แรงบันดาลใจจากกรณีเคอิโงะ
โดยหวังว่าจะโชคดีได้เจอพ่อ หรือรู้ข่าวคราวของพ่อเช่นเดียวกัน!??