ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อ เวลา 15.00 น.วันนี้ (28 พ.ค.) พล.ร.ต. สนธยา น้อยฉายาผู้บัญชาการ กองพลนาวิกโยธิน หน่วยบัญชาการนาวิกโยธิน (ผบ.พล.นย.) ต.พลูตาหลวง อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี
ได้รับรายงานจาก น.อ. กล้าหาญ เพ็ชรมีศรี ผู้บังคับการ กรมทหารราบที่ 1 รักษาพระองค์ กองพลนาวิกโยธิน หน่วยบัญชาการนาวิกโยธิน (ผบ.กรม ร.1 รอ.พล.นย.) ว่า ขณะเดินทางตรวจความเรียบร้อยบริเวณพื้นที่รับผิดชอบ บริเวณชายหาด พบสิ่งผิดปกติในอ่าว มีสีเหลืองกระทบกับแสงอาทิตย์สะท้อนให้เห็นไรไร จึงได้ลงไปดู และให้ข้าราชการ พลทหาร ลงไปทำการตรวจสอบ พบว่ามีปะการังในอ่าวกองพลนาวิกโยธินเกิดขึ้นมาเป็นสีทอง ดาษดื่นเต็มอ่าว และเมื่อน้ำทะเลลง สามารถมองเห็นด้วยตาเปล่าได้ชัดเจนมาก ห่างจากริมชายหาดประมาณ 70-80 เมตร สร้างความประทับใจให้กับผู้พบเห็นอย่างมาก โดยเฉพาะข้าราชการ ทหาร นาวิกโยธินมีความเชื่อว่าเป็นเรื่องของความเป็นสิริมงคลมากกว่าเรื่องอื่น ๆ
น.อ. กล้าหาญ เพ็ชรมีศรี กล่าวว่า ปรากฎการณ์ปะการังสีทอง ครั้งนี้ถือว่าเป็นครั้งที่ 3 ในอ่าวแห่งนี้
พบครั้งแรกเมื่อ วันที่ 9 มิ.ย. 2549 ในยุค พล.ร.ต.ศักดิ์ชาย อุบลเดชประชารักษ์ เป็นผู้บัญชาการ กองพลนาวิกโยธิน ปัจจุบันท่านเป็น รองผู้บัญชาการ หน่วยบัญชาการนาวิกโยธิน ครั้งนี้เป็นประวัติศาสตร์ของกองทัพเรือที่มีประชาชนทุกชนชั้น ทุกสาขาอาชีพเข้ามาเยี่ยมชมเพราะเป็นปีมหามงคลที่ปวงชนชาวไทยร่วมกันเฉลิม ฉลองสิริรราชสมบัติครบ 60 ปี พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ครั้งที่ 2 พบเมื่อวันที่ 14 มิ.ย. 2550 ในยุคของ พล.ร.ต สนธยา น้อยฉายา และล่าสุดพบเมื่อวันที่ 28 พ.ค. 2552 ส่วนปีที่ผ่านมาไม่มีการเกิดปรากฎการณ์ปะการังสีทองที่อ่าวแห่งนี้ โดยไม่ทราบสาเหตุว่าเกิดอะไรขึ้นทางวิทยาศาสตร์ พร้อมทั้ง ได้สั่งการให้ดำเนินการเตรียมเรือท้องกระจก และเรือเล็กไว้ให้บริการนักท่องเที่ยวชมปะการังสีทอง
พล.ร.ต. ศักดิ์ชาย อุบลเดชประชารักษ์ รองผู้บัญชาการ หน่วยบัญชาการ นาวิกโยธิน กล่าวว่า เมื่อปีที่ผ่านมา ( ปี พ.ศ.2551)ข้าราชการ พลทหาร ครอบครัว และบุคคลภายนอกที่เฝ้าติดตามทะเลสีเหลืองในอ่าวกองพลนาวิกโยธิน สอบถามมาอย่างต่อเนื่องเพราะว่าปะการังสีทองได้เงียบหายไป 1 ปี เพิ่งกลับมาในวันเดียวกันนี้
ด้าน นักวิชาการด้านวิทยาศาสตร์ทางทะเล กล่าวว่า เหตุการณ์ดังกล่าว เป็นข้อสันนิษฐานได้ว่าสภาพความสมบูรณ์ของพืชและสัตว์เสื่อมโทรมลง
หรืออยู่ในขั้นวิกฤติที่ปลาไม่สามารถอาศัยอยู่ในแนวปะการังนั้น ๆ ได้ เพราะปริมาณของปลาเป็นตัวบ่งชี้ถึงคุณภาพของปะการังและสภาพแวดล้อมในแนว ปะการังด้วย เป็นระบบเกื้อหนุนกันนั่นเอง หากความสมดุลของอย่างใดอย่างหนึ่งเสียไปก็จะมีผลกระทบกับอีกสิ่งหนึ่งอย่างแน่นอน สมควรที่จะให้นักวิทยาศาสตร์ทางทะเลมาตรวจสอบ ศึกษาและทำวิจัยถึงระบบนิเวศน์ของแนวปะการัง เพราะลำพังแค่ปะการังเปลี่ยนเป็นสีทองนั้นก็แสดงให้เราเห็นแล้วว่าโลกกำลังอยู่ใน ขั้นวิกฤติเพียงใด ไม่ใช่เหตุการณ์ที่น่ายินดีอย่างที่คิดกันเลย
ปะการังสีทองโผล่ อร่ามหาด หวั่นโลกวิกฤติ
เครดิต : ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดยหนังสือพิมพ์ไทยรัฐ
ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!