ลูกตามหาพ่อญี่ปุ่นโผล่อีกราย ดญ.13 ปี จ.แพร่

เมื่อช่วงบ่ายวานนี้ (27 พ.ค.) ผู้สื่อข่าวเดินทางไปยังโรงเรียนไทยรัฐวิทยา 31 หมู่ที่ 2 ต.ทุ่งน้าว อ.สอง จ.แพร่

หลังจากนางกัลยา ใจเฉวก อายุ 42 ปี อยู่บ้านเลขที่ 3 ม.3 ต.แดนชุมพล อ.สอง จ.แพร่ เข้าร้องผู้สื่อข่าวไทยรัฐเพื่อขอเป็นสื่อกลางในการประชาสัมพันธ์ติดตามหาพ่อของ ด.ญ.มายูมิ โอกาโน่ อายุ 13 ปี เรียนชั้น ม.2 โรงเรียนไทยรัฐวิทยา 31 โดยนายวิวัฒน์ ทองภักดี ผอ.โรงเรียนไทยรัฐวิทยา 31 ได้นำตัว ด.ญ.มายูมิ และแม่มาพบผู้สื่อข่าว โดยนางกัลยา ผู้เป็นแม่ ได้นำหลักฐานต่างๆที่ยืนยันว่าเธอได้เดินทางไปญี่ปุ่น ซึ่งเป็นหลักฐานภาพถ่าย พาสปอร์ต และอื่นๆ มายืนยัน  

นางกัลยาเล่าว่า เมื่อปี 2534-35 ได้เดินทางไปทำงานที่ญี่ปุ่นไปเลี้ยงเด็กให้กับครอบครัวของญาติ

ต่อมาก็ได้สามีที่ญี่ปุ่นจนมีลูก 1 คน คือ ด.ญ.มายูมิ เกิดเมื่อปี 2539 เกิดที่คลินิกฮิโยวิได เลขที่ 2-9-6 ฮิโยชิได ต.โทมิซาโตะ อ.อิมบะ จ.ชิบะ เมื่อ ด.ญ.มายูมิ อายุได้ 3 ปี ทางบ้านที่ จ.แพร่ โทรศัพท์ไปบอกว่าพ่อป่วยหนัก ตนจึงได้ชวนสามี คือ นายยาชิโอะ โอกาโน่ เดินทางกลับมาเยี่ยมพ่อเมื่อปี 2542 หลังจากนั้นสามีก็กลับไปก่อน จนกระทั่งพ่อเสียชีวิต ส่วนสามีตั้งแต่นั้นมาก็ไม่สามารถติดต่อได้ และก็ไม่ได้ติดต่อกลับมาเลย  

นางกัลยา กล่าวต่อว่า ต่อมาได้ไปร้องที่ศูนย์ดำรงธรรมในปี 2546-47 แต่ก็ไม่มีความคืบหน้า และได้เดินทางไปขอความช่วยเหลือหลายแห่ง แต่ก็ไม่มีใครสนใจ

ครั้งหลังสุดในปี 2550 ได้ไปร้องที่สถานกงสุลญี่ปุ่นที่ จ.เชียงใหม่ ทางเจ้าหน้าที่รับปากว่าจะติดตามให้แต่เรื่องก็หายเงียบไป ซึ่งตนได้พยายามติดต่อไปหลายแห่งทั้งโทรศัพท์ก็ไม่ได้ จนหมดเงินไปเป็นจำนวนมาก แต่พอมีข่าวการตามหาพ่อของน้องเคโงะ มีคนสนใจช่วยเหลือจำนวนมาก ลูกสาวจึงบอกให้ตนไปร้องสื่อมวลชนเพื่อขอร้องให้เป็นสื่อในการติดตามหาพ่อบ้าง  

ด้าน ด.ญ.มายูมิ เผยว่า ต้องการพบพ่อ เพราะว่าพ่อรักลูกมากในตอนที่อยู่ในญี่ปุ่น พ่อจะเป็นคนดูแลและเลี้ยงตน ในช่วงอายุได้ 3 ปีกว่า พ่อยังพาไปเที่ยว

ดังนั้นหากพ่อทราบข่าวก็ขอให้ติดต่อกลับมาเมืองไทยด้วย เพราะลูกคิดถึง อีกทั้งขณะนี้ครอบครัวหนูยากจน แม่รับจ้างไปวันๆ อยู่กัน 2 คน ขอให้ใครก็ได้ช่วยติดต่อพ่อให้ด้วย  ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายวัลลภ พริ้งพงษ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดแพร่ หลังทราบข่าวได้มอบหมายให้นายอุดม คำอุดม พัฒนาสังคมจังหวัดแพร่ ออกไปพบและให้การช่วยเหลือเป็นเงินสดเบื้องต้น 2,000 บาท และสั่งการให้รวบรวมรายชื่อบุคคลที่ต้องการติดต่อญาติในต่างประเทศ และให้หาทางช่วยเหลือต่อไป 

ส่วนกรณี น.ส.นารูมิ ฮามาดะ หรือน้องยุ้ย อายุ 18 ปี นศ.วิทยาลัยอาชีวศึกษาเชียงใหม่ ชั้น ปวช. 2 ได้ออกประกาศตามหาพ่อชาวญี่ปุ่น

พร้อมกับ ด.ช.ยามาโตะ นิอึมือระ หรือน้องแตแต้ อายุ 10 ปี นักเรียนชั้น ป.4 โรงเรียนเทศบาลวัดพวกช้าง อ.เมือง จ.เชียงใหม่ สองหนูน้อยลูกครึ่งชาวญี่ปุ่นที่ประกาศตามหาพ่อเหมือน ด.ช.เคอิโงะ ที่ จ.พิจิตร ตามที่เป็นข่าวไปแล้วนั้น  ล่าสุด  ได้มีผู้สื่อข่าวและช่างภาพจากสถานีโทรทัศน์ทีบีเอส จากประเทศญี่ปุ่น พร้อมล่ามแปล ได้เดินทางมาขอสัมภาษณ์ ด.ช.ยามาโตะ ที่โรงเรียน โดย ด.ช.ยามาโตะ แสดงอาการดีใจที่มีนักข่าวญี่ปุ่นมาทำข่าว จากนั้นทางผู้สื่อข่าวญี่ปุ่นได้ถ่ายทำชีวิตความเป็นอยู่ของเด็ก ตั้งแต่การกินอาหาร การเดินทางมาเรียนหนังสือ และการอยู่ร่วมกับเพื่อนที่โรงเรียน 

จากนั้น ผู้สื่อข่าวญี่ปุ่นได้เดินทางไปที่บ้านเลขที่ 20 หมู่ 1 ต.สันนาเม็ง อ.สันทราย จ.เชียงใหม่ เพื่อสัมภาษณ์ น.ส.นารูมิ ฮามาดะ และนางสังวาลย์ บำรุง ผู้ปกครอง

โดยทางนักข่าวญี่ปุ่น กล่าวผ่านล่ามว่า หลังจากที่สื่อมวลชนไทยนำไปเสนอมีสำนักข่าวต่างประเทศนำไปแปลเป็นภาษาญี่ปุ่น และประชาชนชาวญี่ปุ่นต่างให้ความสนใจในข่าวเรื่องนี้ ทาง บก.ข่าวจึงส่งนักข่าวทั้งสองมาติดตามทำข่าว ส่วนเรื่องการติดตามหาพ่อเด็กเป็นเรื่องของสถานฑูตที่จะประสานงาน และกฎหมายเรื่องสิทธิส่วนบุคคลของญี่ปุ่นมีความสำคัญมาก การนำเสนอข่าวของนักข่าวญี่ปุ่นต้องใช้ความระมัดระวังเนื่องจากเป็นเรื่องละเอียดอ่อน

ด้านนางสังวาลย์ กล่าวว่า ตอนนี้ทางเจ้าหน้าที่กงศุลเชียงใหม่ได้โทรศัพท์มาแจ้งให้ทราบแล้วว่า  ตอนนี้อยู่ระหว่างประสานติดตามหาพ่อของเด็กอยู่ ซึ่งทำให้ตนและลูกสาวเริ่มมีความหวังมากขึ้น

เครดิต :
ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดยหนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์