ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้าหลินฮุ่ยคลอดลูก ว่า เมื่อเวลา 18.00 น. วันที่ 27 พ.ค.
ทางทีมสัตวแพทย์ ได้แยกแพนด้าน้อยออกมาจากหลินฮุ่ย โดยให้อาหารหลินฮุ่ยจนเผลอ จึงนำลูกออกมาได้ เพื่อนำเข้าตู้อบในห้องปลอดเชื้อ ซึ่งแพนด้าน้อยส่งเสียงร้องดังลั่น ทางทีมสัตวแพทย์ ได้ตรวจร่างกายและชั่งน้ำหนัก คาดว่าจะเป็นเพศเมีย น้ำหนัก 235 กรัง ความยาว 17.5 ซม.หางยาว 5.5 ซ.ม. รอบหัว 10 ซ.ม. รอบอก 17.5 ซม. รอบขาทั้ง4 ขา 6.5 ซม. ตัดสายสะดือ
จากนั้น เวลา 18.20 น.และต้องนำกลับส่งคืนให้กับหลินฮุ่ย นายโสภณ ได้เปิดเผยว่า ทางประเทศจีนได้โทรศัพท์เข้ามาว่าในวันนี้ (28 พ.ค.) จะเดินทางมาเข้าถึงเชียงใหม่
โดยนำทีมงานดูแลลูกแพนด้ามาร่วมกันทีมงานสัตวแพทย์สวนสัตว์เชียงใหม่ สำหรับลูกแพนด้าจะอยู่กับทางสวนสัตว์เชียงใหม่เป็นเวลา 24 เดือน หรือ 2 ปีก่อนจะส่งคืนไปให้ทางจีน แต่ก็คงจะมีการต่อรองกันได้ในตอนนี้ยังไม่สามารถให้ใครเข้าชม แต่จะถ่ายทอดทางวงจรปิดให้ประชาชนที่เข้ามาร่วมยินดี
ตั้งกล้องดู24ชั่วโมง เฝ้าแพนด้าน้อย แม่หลินฮุ่ยกอดทั้งคืน
สัตวแพทย์หญิง กรรณิการ์ นิ่มตระกูล ที่เฝ้าดูแลแพนด้าหลินฮุ่ยมาตลอดตั้งแต่ผสมเทียมจนเกิดออกมาได้ เปิดเผยว่า
ในช่วงนี้จะต้องจัดเตรียมทีมงานดูและทั้งหลินฮุ่ยและช่วงช่วง ตลอด 24 ชั่วโมง สำหรับลูกแพนด้าในขณะยังไม่สามารถยืนยันเพศได้ แต่ในเบื้องต้นคาดว่าจะเป็นเพศเมีย แต่ต้องรอดูเกิน 15 วันผ่านไปก่อนหรืออาจจะถึง 1 เดือน สำหรับการเกิดลูกของหลินฮุ่นก็ถือว่าอยู่ในเกณฑ์ที่ใช้ได้ไม่ได้คลอดก่อนกำหนด ซึ่งแพนด้าน้อยค่อนข้ามสมบูรณ์และแข็งแรงมาก ขนาดเสียงยังดังมาก ได้ยินออกไปจนถึงส่วนจัดการแสดง แม้กระทั่งแพนด้าช่วงช่วงที่อยู่อีกส่วนหนึ่งยังขึ้นมานั่งเฝ้าที่ประตู พยายามส่องเข้ามาดู ในส่วนของแพนด้าน้อยต้องให้เขากินนมต่อไปเรื่อยๆ จะแข็งแรงอยู่รอดได้ และสำหรับหลินฮุ่ย มีสัญญาณชัดเจนว่าจะเป็นแม่ที่ดีได้ เพราะพอคลอดเขาก้มลง คาบลูกเลยทันที ถ้าเป็นแม่ที่ไม่เลี้ยงลูกก็จะเขี่ยและคาบเอาขึ้นมากอด แสดงว่ามีสัญชาตญาณความเป็นแม่สูงมาก
"สำหรับโอกาสที่จะเกิดอันตรายกับแพนด้าน้อยก็มี ดังนั้นทีมงานต้องเฝ้าดูแล ตลอด 24 ชั่วโมง ที่มีการพลิกตัวและเมื่อเสียงลูกร้องก็ต้องเข้าตรวจสอบทันที แต่อย่างไรก็ตามหลินฮุ่ย ห่วงลูกมาก ตามปกติจะต้องแยกแม่ลูกออกใน 6 เดือน สำหรับหลินฮุ่ยก็จะให้ดูแลลูกไปตลอด"สัตวแพทย์หญิง กรรณิการ์ กล่าว
ทางด้าน สัตวแพทย์ ดร.บริพัตร์ ศิริอรุณรัตน์ ผู้ช่วยผอ.ส่วนอนุรักษ์วิจัย และการศึกษา องค์การสวนสัตว์ ได้เปิดเผยว่า การเกิดของลูกแพนด้าหลินฮุ่ยไม่ถือว่าผิดธรรมชาติ
ถือว่าการเกิดค่อนข้างเร็ว แต่สถิติการเกิดแพนด้ามีการเกิด 80 วัน แต่สำหรับหลินฮุ่ย นาน 97 วัน แต่ก็ถือว่าเร็วกว่าปกติ ซึ่งลูกหลินฮุ่ยถือว่าแข็งแรงมากคลอดออกมาร้องเสียงดังมาก ซึ่งบางตัวไม่ร้องเลย แสดงว่าแพนด้าน้อยตัวนี้สมบูรณ์มากถือว่าเป็นเรื่องที่น่ายินดียิ่งสำหรับบรรยากาศในเชียงใหม่ ชาวเมืองต่างให้ความสนใจการเกิดลูกของแพนด้าหลินฮุ่ย จนมีการกล่าวขานกันทั้งเมืองและชื่นชม พร้อมทั้งอวยพรให้มีสุขภาพที่แข็งแรง สมบูรณ์ และต่างก็ขอให้ทางสวนสัตว์ตั้งชื่อแพนด้าน้อยเป็นภาษาเหนือ พ่อแม่ชื่อคำอ้ายและคำเอ้ย ลูกแพนด้าน้อยหากเป็นหญิงก็ควรจะตั้งชื่อเอื้องคำ แพนด้าน้อยตัวนี้ถือว่านำสิ่งดีๆนำความสุขมาสู่ผู้คนในยามที่เศรษฐกิจมี ปัญหา แต่ก็มีข่าวที่ทำให้เป็นสุขเกิดขึ้นกับบ้านเมือง
ต่อมาเวลา 21.30 น. นายโสภณ ดำนุ้ย ผอ.องค์การสวนสัตว์ ได้มาเฝ้าดูอาการของแพนด้าหลินฮุ่ย กับลูกน้อย
โดยมีรายการโทรทัศน์ช่องต่างๆ ได้มาเฝ้าติดตามความเคลื่อนไหวของแพนด้าน้อย นายโสภณ ได้สั่งให้ติดตั้งกล้องวงจรปิดดูอริยบทต่างๆทุกจุด โดยแพนด้าหลินฮุ่ย ได้นั่งกอดลูกน้อยไว้ในอ้อมอกและหลับด้วยความอ่อนเพลียอยู่มุมห้อง มีขยับตัวเป็นระยะ โดยมีทีมสัตวแพทย์คอยบันทึกความเคลื่อนไหวของแม่ลูกอย่างละเอียดและที่ สำนักงานโครงการวิจัยฯ ได้เปิดศูนย์รายงานข่าวของสื่อต่างๆตลอด 24 ชั่วโมง
นายโสภณ เปิดเผยว่า หลังจากรออกข่าวไปว่าแพนด้าน้อยจะอยู่ประเทศไทยตามข้อ สัญญาเพียง 2 ปีเท่านั้น
ก็ได้มีโทรศัพท์จากประชาชนส่วนมากจะเป็นเด็กๆ เข้ามาหาตนและทางสวนสัตว์เชียงใหม่ว่า ขออย่าได้นำแพนด้าน้อยไปเลยในเวลา 2 ปี จะเป็นการพรากลูกจากแม่ไป ในขณะที่แพนด้าน้อยเกิดขึ้นมาก็ดีใจกันทั้งประเทศ แต่เมื่อมีข่าวว่ามีสัญญา 2 ปีก็จะต้องจากไป จึงขอให้ผู้ใหญ่ของบ้านเมืองไปช่วยเจรจาทางจีน ขออย่าให้แม่ลูกต้องพรากจากกันเลย อย่างไรก็ตาม ทางจีนได้ส่งทีมงานเดินทางมาประเทศไทยจะถึงในเวลา 14.00 น. อย่างไรก็ตาม ต้องติดตามความเคลื่อนไหวตลอดทั้งคืน ตนยังตื่นเต้นและดีใจไม่หายจะมีโทรศัพท์ของผู้หลักผู้ใหญ่เข้ามาถามตลอดเวลา เชื่อว่าในวันนี้ บรรยากาศที่ส่วนจัดแสดงหมีแพนด้าภายในสวนสัตว์ เชียงใหม่จะคึกคักอย่างแน่นอน
จากนั้นเวลา 23.30 น. ผอ.องค์การสวนสัตว์ ได้เข้าไปตรวจดูความเรียบร้อยภายในที่อยู่ของแพนด้าหลินฮุ่ย
ซึ่งพบว่ายังคงนั่งกอดลูกแพนด้าน้อยอยู่ในอ้อมกอดแขนข้างขวาในสภาพนั่งหลับ โดยมีลูกแพนด้าน้อยยังคงส่งเสียงร้องเหมือนเด็กๆและดูดนมแม่เป็นระยะ ทางทีมงานสัตวแพทย์ต้องเฝ้าอย่างใกล้ชิด หากเกิดเหตุฉุกเฉินขึ้นมาก็สามารถ เข้าช่วยเหลือได้ทันท่วงที โดยมีการจัดทีมเฝ้ากว่า 10 คน ทุกครั้งที่แพนด้าน้อยส่งเสียงร้องทางทีมสัตวแพทย์ก็จะตรวจเช็คทันทีเพราะ เกรงว่าคุณแม่มือใหม่จะทำลูกหลุดจากอ้อมกอด
ผอ.องค์การสวนสัตว์ กล่าวอีกว่า ในส่วนของแพนด้าช่วงช่วง ซึ่งทุกคืนจะต้องนำมาในส่วนกัก
ซึ่งอยู่ตรงกันข้ามจากส่วนกักของหลินฮุ่ย ในคืนนี้ดูแพนด้าช่วงช่วง มีท่าทีสงบและพยายามชะเง้อผ่านกรงอีกด้านดูแพนด้า หลินฮุ่ย เหมือนมีสัญชาตญาณแห่งการรับรู้ว่ามีสิ่งมีชีวิตที่ 3เกิดขึ้น อย่างไรก็ตาม ทางทีมสัตวแพทย์ ได้บอกว่าจะต้องใช้เวลาอีกนานถึงจะให้แพนด้าช่วงช่วงได้เห็นลูกตัวเอง เพราะหากมีการปล่อยเข้าไปพบกันกับหลินฮุ่ยจะเกิดความไม่ปลอดภัยเพราะช่วงช่วง จะไม่รู้ว่าสิ่งที่พบเห็นเป็นลูกจะต้องทำร้ายอย่างแน่นอน ไม่เหมือนกับหลินฮุ่ยสัญชาตญาณของความเป็นแม่บ่งบอกให้รู้ทันทีจึงมีความรัก และหวงแหนตลอดเวลา