ดัน"เคอิโงะ"เรียนภาษาไว้พูดคุยกับพ่อ พร้อมส่งเสริมให้เป็นมัคคุเทศก์ บรรยายสถานที่ท่องเที่ยว หวังปั้น เป็นยุวทูตน้อย สานสัมพันธ์ไทย-ญี่ปุ่น ขณะที่ พม.โคราช ยื่นมือช่วย “ยายแต๋ว” ที่เลี้ยงดู 3 พี่น้องลูกครึ่งญี่ปุ่น หลังแม่ตาย พ่อทอดทิ้ง ส่วนเมืองแพร่โผล่ อีก 4 ราย ตามหาพ่อยุ่น ระบุไม่อยากดัง-ไม่อยากเป็นข่าว หวังเพียงพบผู้บังเกิดเกล้า
จากกรณีชีวิตที่เหมือนละครของหนูน้อย เคอิโงะ ซาโต อายุ 9 ขวบ ที่ถือภาพถ่ายของนายคัทซูมิ ซาโต พ่อชาวอาทิตย์อุทัย
วิ่งตามนักท่องเที่ยวที่เดินทางไปกราบไหว้หลวงพ่อเพชรที่วัดท่าหลวง พระอารามหลวง จ.พิจิตร เพื่อตามหาบิดาที่พลัดพรากกันไปนาน หลังจากแม่ได้เสียชีวิต ไปแล้ว หลังกลายเป็นข่าวใหญ่หน่วยงานต่าง ๆ รีบเข้ายื่นมือช่วยเหลือพาหนูน้อยเดินทางเข้ากรุงเทพฯ สานฝันให้เป็นจริง ในที่สุดสถานทูตญี่ปุ่นก็สามารถทำให้พ่อกับลูกได้ติดต่อพูดคุยกันได้สำเร็จ โดยนายคัทซูมิกล่าวยืนยันข้ามประเทศว่า ยังไม่มีครอบครัวใหม่ หากมีเวลาว่างจะเดินทางมาหาลูก ทำเอาเคอิโงะปลื้มดีอกดีใจเป็นที่สุดพร้อมกล่าวกับรูปถ่ายของแม่ที่ล่วงลับไปแล้วว่า “แม่จ๋าหนูเจอพ่อแล้ว พ่อบอกว่า จะมาหาเราและมาทำบุญให้แม่ที่พิจิตร แม่ไม่ต้องเป็นห่วงหนูแล้ว” ตามข่าวที่นำเสนอไปแล้วนั้น
ความคืบหน้าเกี่ยวกับเรื่องนี้ เมื่อวันที่ 25 พ.ค. นายสมชัย หทยะตันติ ผวจ.พิจิตร เป็นประธานเปิดห้องเรียนสอนภาษาญี่ปุ่นให้กับ ด.ช. เคอิโงะ ซึ่งเรียนอยู่ชั้น ป.4 โรงเรียนอนุบาลเมือง (ท่าหลวงสงเคราะห์) อ.เมืองพิจิตร
ซึ่งได้ติด ตามหาพ่อชาวญี่ปุ่น จนได้พบเจอและกลายเป็นสัญลักษณ์ของความมานะพยายามของเด็กกำพร้าที่พลัดพรากจากพ่อและแม่ชาวต่างชาติ จนกลายเป็นการตื่นตัวออกตามหาพ่อแม่กันยกใหญ่ นายสมชัย กล่าวว่า การเปิดห้องเรียนสอนภาษาญี่ปุ่นครั้งนี้เพื่อจะได้ฝึกภาษาให้กับ ด.ช.เคอิโงะ เพื่อจะได้สนทนากับ นายคัทซูมิ ซาโต ผู้เป็นบิดา ที่อยู่ประเทศญี่ปุ่นได้ อีกทั้ง ด.ช.เคอิโงะ ยังมีอาชีพเสริมคือการขายอาหารปลาอยู่หน้าวัดท่าหลวง (พระอารามหลวง) ที่เป็นแหล่งท่องเที่ยวของชาวญี่ปุ่น
ปั้นเคอิโงะยุวทูตน้อยรับทัวร์ญี่ปุ่น
โดยได้ น.ส.สุนทรีย์ ชัยพิชิต ข้าราชการ จาก กรมพัฒนาฝีมือแรงงาน ซึ่งเป็นนักเรียนทุนญี่ปุ่น (ทุน PTU) เป็นผู้สอน โดยเนื้อหาการสอนและการฝึกอบรม จะเน้นหนักไปเกี่ยวกับบทสนทนาในชีวิตประจำวัน
เช่น การแนะนำตัว การทักทาย การขอบคุณ คำกล่าวขอโทษ และคำพูดเกี่ยวกับครอบครัว นอกจากนี้ยังจะได้สอนถึงวัฒนธรรมการใช้ชีวิตของชาวญี่ปุ่นอีกด้วย อีกทั้งถ้า ด.ช.เคอิโงะ และเพื่อน ๆ ร่วมชั้นเรียน รวม 14 คน ได้เรียนรู้ภาษาญี่ปุ่นจนแตกฉาน ก็มุ่งหวังจะได้ให้เป็นยุวทูตสานสัมพันธ์ไทย-ญี่ปุ่น อีกทั้งจะได้ให้เป็นมัคคุเทศก์น้อยคอยบรรยายข้อมูลการท่องเที่ยวของ จ.พิจิตร ให้กับนักท่องเที่ยวชาวญี่ปุ่นอีกด้วย
สำหรับการฝึกสอนในครั้งนี้เป็นหลักสูตร 30 ชั่วโมง ตั้งแต่วันที่ 25 พ.ค.-5 มิ.ย. เริ่มสอนตั้งแต่เวลา 17.00-20.00 น.
โดยเปิดรับผู้สนใจเข้าเรียนไม่จำกัดเพศ และวัย ไม่เสียค่าใช้ จ่ายใด ๆ ทั้งสิ้น และถ้ามีผู้สนใจอย่างต่อเนื่อง นายไพฑูรย์ แก้วทอง รมว.แรงงาน ก็รับปากไว้ว่าอาจจะมีการขยายเวลา หรือหางบประมาณมา สนับสนุนเพิ่มเติมอีกด้วย เพื่อเปิดโอกาสให้บุคคลทั่วไปได้มีความรู้ด้านภาษาต่างชาติเพิ่มขึ้น อันจะเป็นการส่งเสริมการท่องเที่ยว หรือถ้าจะไปทำงานในประเทศญี่ปุ่น ก็จะได้สื่อสารกับนายจ้างได้เข้าใจ ไม่ตกเป็นเหยื่อเพราะความไม่รู้ภาษาญี่ปุ่น
ส่วนกรณี ด.ช.มาซามิ ฮายาชิ อายุ 8 ขวบ ด.ญ.ยูกิ อายุ 6 ขวบ และ ด.ญ.มิโดริ อายุ 4 ขวบ สามพี่น้องลูกครึ่งญี่ปุ่น
ซึ่งอาศัยอยู่กับยายชื่อนางแต๋ว แก้วน้ำเย็น อายุ 65 ปี ที่บ้านเลขที่ 20/2 บ้านหนองพลวงใหญ่ หมู่ 3 ต.ไชยมงคล อ.เมือง จ.นครราชสีมา ต้องการพบพ่อชาวญี่ปุ่นชื่อ นายคาอิจิ ฮายาชิ หลังจากทอดทิ้งและขาดการติดต่อกันมานานกว่า 1 ปี ตั้งแต่ผู้เป็นแม่คือ นางประดับ แก้วน้ำเย็น เสียชีวิตด้วยโรคตับวาย โดยเด็กทั้ง 3 คน ได้รับการเลี้ยงดูแบบตามมีตามเกิดรวมกับเหลน อายุรุ่นราวคราวเดียวกันของ นางแต๋ว อีก 2 คน รวมเป็น 5 คน อยู่ในบ้านสภาพทรุดโทรม และนางแต๋ว ยายที่เลี้ยงดูก็อายุมาก ฐานะยากจน มีรายได้จากการทำงานรับจ้างเก็บมัน และเงินจาก เบี้ยยังชีพคนชรานำมาเลี้ยงดูหลานลูกครึ่งทั้ง 3 คนอย่างลำบากยากแค้น
ล่าสุดผู้สื่อข่าวรายงานว่า ว่าที่ ร.ต. เกรียงศักดิ์ คุณวิเศษ พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ จ.นครราชสีมา ได้เดินทางไปเยี่ยม พร้อมกล่าวว่า ได้เตรียมทำเรื่องเสนอไปทางกรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ
เพื่อขออนุมัติเงินในโครงการครอบครัวอุปถัมภ์ เพื่อช่วยเหลือค่าเลี้ยงดูหลานและเหลนของ นางแต๋วรวม 5 คน ซึ่งจะได้เงินคนละ 1,000 บาทต่อเดือน โดยจะเร่งรัดให้ได้รับการช่วยเหลือโดยเร็ว ส่วนการตามหาพ่อ ของเด็กทั้ง 3 คนนั้น จะได้ประสานไปยังกระทรวงการต่างประเทศ ผ่านทางกงสุล เพื่อแจ้งข้อมูลตามหลักฐานที่มีอยู่ ตามใบแจ้งเกิดของเด็กทั้ง 3 คน ที่ระบุที่อยู่ที่ อ.อาซาฮิ เมืองซิบิ ประเทศญี่ปุ่น และชื่อของ นายคาอิจิ ฮายาชิ ผู้เป็นพ่อ เชื่อว่าการดำเนินการตามขั้นตอนจะช่วยให้เด็กทั้ง 3 คน มีโอกาสได้เจอพ่ออีกครั้ง
ที่ จ.แพร่ วันเดียวกัน ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายอุดม คำอุดม พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ จ.แพร่
ได้เดินทางไปพบเด็กลูกครึ่งไทยญี่ปุ่นที่ต้องการตามหาพ่อจำนวน 4 ราย ได้แก่ น.ส.ธัญญาลักษณ์ คำแห้ง อายุ 18 ปี นักเรียนชั้น ม.6 โรงเรียนวังชิ้นวิทยา น.ส.สารี จิใจยา อายุ 18 ปี นักเรียนชั้น ม.6 โรงเรียนนารีรัตน์ ด.ญ.อายากะ ยามาจิ นักเรียนชั้น ม.1 โรงเรียนนารีรัตน์ และ ด.ช.ปิยะ หล่อหลอม หรือ คาซือยะ มาซายูกิ อายุ 10 ขวบ นักเรียนชั้น ป.4 โดยเด็กทั้งหมดกล่าวเหมือนกันว่าไม่ได้อยากดังและเป็นข่าว แต่ที่ออกมาแสดงตัวก็เพราะว่าเห็น ด.ช.เคอิโงะ เป็นข่าวแล้วได้พบพ่อจึงคิดว่าหากทำอย่างนี้อาจจะมีสิทธิได้เจอพ่อบ้าง.