ถือเป็นการซื้อเวลาไปอีก 2 สัปดาห์หลัง ครม. นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ตีกลับโครงการเช่ารถเมล์ 4,000 คัน มูลค่า 69,788 ล้านบาทของกระทรวงคมนาคม ที่มี นายโสภณ ซารัมย์ เป็นเสนาบดี
แต่ครม.ก็เห็นชอบในหลักการ พร้อมกันไปด้วย
เรียกว่าบัวไม่ช้ำ น้ำไม่ขุ่น
แต่อีก 2 สัปดาห์ข้างหน้าโครงการนี้จะเข้าสู่การพิจารณาอีกครั้ง หลังให้คมนาคมกลับไปปรับตัวเลขค่าเช่าแพงมหาโหด
ก่อนหน้านี้ก็ปรับไปแล้วรอบหนึ่ง แต่เหมือนเล่นปาหี่ก็ไม่ปาน
เพราะแต่เดิมตั้งราคาเช่าวันละ 4,784 บาท/วัน/คัน
ราคาใหม่เสนอมา 4,780 บาท/วัน/คัน
"4 บาท" ลดราคาแบบถึงใจพระเดชพระคุณจริงๆ!??
โครงการเช่ารถเมล์ 4,000 คัน ถูกจับตามาตั้งแต่รัฐบาลที่แล้ว หลังรมว.คมนาคม ผลักดันอย่างออกนอกหน้า
ที่ผ่านมาถูกต่อต้านมาตลอดเพราะราคาค่าเช่าที่ทำสัญญา 10 ปี ตกคันละ 17 ล้านบาทเศษ ทั้งที่รถในสเป๊กเดียวกันสามารถหาซื้อได้ในราคาคันละไม่เกิน 4 ล้านบาทเท่า นั้น!!!
แถมยังถูกวิพากษ์วิจารณ์ว่าบริษัทที่จะให้เช่ายังคิดค่าใช้จ่ายต่างๆ แบบละเอียดยิบ กระทั่งค่าซ่อมบำรุง ค่าภาษี ค่าประกันภัย และค่าบริหารจัดการ
เห็นแบบนี้จึงมีคนเสนอว่าซื้อมาทำเองไม่ดีกว่าหรือ แต่กระทรวงคมนาคม ก็ไม่สนใจ ยืนกรานว่าต้องเช่าเท่านั้น
พูดตรงๆ ว่า การให้เช่ารถลักษณะนี้แค่คันละ 3,000 บาท/วัน/คัน แถมเช่าปริมาณมากถึง 4,000 คัน มีสัญญาถึง 10 ปีการันตีด้วย
ต่อให้บวกเงื่อนไขว่าต้องเปลี่ยนรถทุก 5 ปี เพื่อให้ประชาชนได้นั่งรถใหม่ตลอด 10 ปีตามอายุสัญญา
ผู้ให้เช่ายังแย่งกันเข้าประมูลขาขวิด
เพราะหากคิดราคาเช่า 3,000 บาท/วัน/ คัน อายุรถ 5 ปี ตกค่าเช่าคันละ 5,475,000 บาท ราคารถซื้อขายกันไม่เกิน 4 ล้าน บวกค่าซ่อมบำรุง ค่าประกัน และอื่นๆ ไม่เกินคันละ 1 ล้านบาท
แล้วการซื้อรถล็อตใหญ่ๆ รวมถึงค่าใช้จ่ายอื่นๆ กับรถที่มากถึง 4,000 คัน ราคามีแต่จะยิ่งถูกลง
ผู้ให้เช่ายังกำไรตกคันละ 500,000 บาท แถมเมื่อครบกำหนด 5 ปี ยังขายรถต่อได้ราคาไม่ต่ำกว่า 40-50% ของราคารถใหม่อีก
ผู้ให้เช่าสามารถทำกำไรไม่ต่ำกว่า 1.5-2 ล้านบาท/คัน ในเวลา 5 ปีเท่านั้น
หากคิดตลอดอายุสัญญา 10 ปี จากรถ 4,000 คัน ผู้ให้เช่าสามารถหากำไรจากขสมก. ไม่ต่ำกว่า 8,000-10,000 ล้านบาท
ขณะที่รัฐบาลหรือขสมก.จ่ายค่าเช่าตกคันละ 10.9 ล้านบาทเศษ ในอายุสัญญา 10 ปี รวมแล้วตก 4 หมื่นล้านบาทเศษ
แม้จะดูราคาสูงแต่หากคิดอีกมุมว่าไม่ต้องรับผิดชอบค่าใช้จ่ายอื่นๆ เพื่อป้องกันการรั่ว ไหล แถมได้ใช้รถใหม่ทุก 5 ปี ถือว่าเกินคุ้ม
และอย่างน้อยก็ถูกกว่าราคาเก่าเฉียดๆ 3 หมื่นล้านบาท
ต้องวัดใจนายกฯว่าจะเอาใจพรรคร่วมรัฐ บาล เพื่อให้อิ่มหมีพีมัน หรือจะปกป้องผลประ โยชน์ของประเทศชาติ!??