มีอีก3พี่น้อง ลูกครึ่งยุ่น-รันทด

กำพร้าแม่ตาย อนาถาที่โคราช "เคโงะ"ถึงลมจับ วิ่งแก้บน50รอบ

"เคโงะ" ถึงลมจับ หลัง วิ่งรอบโบสถ์ 50 รอบ แก้บน"หลวงพ่อเพชร" หลังได้พูดคุยกับพ่อชาวญี่ปุ่นสมใจ เผยหนูน้อยวิ่งท่ามกลางเสียงเชียร์ของนักท่องเที่ยวที่ไปกราบพระศักดิ์สิทธิ์วัดท่าหลวง หมดแรงลิ้นห้อยกว่าจะครบ เกิดอาการหน้ามืดจนต้องประคองไปนอนพักดมยาดม สาเหตุจากยังไม่ได้กินข้าวเช้า มั่นใจได้พบพ่อวันงานแข่งเรือเดือน ก.ย.แน่ โผล่อีก 3 พี่น้องลูกครึ่งไทย-ญี่ปุ่น สุดรันทดกลับมาจากแดนอาทิตย์อุทัยไม่นานพ่อก็บินกลับ แถมแม่ก็ตาย ภาระหนักต้องตกอยู่กับยาย เคยติดตามหาพ่อเด็กแต่เจ้าหน้าที่ระบุไม่มีในสารบบ วอนผู้ใจบุญยื่นมือช่วยเหลือ

หลังจากเดินทางกลับจากคุยโทรศัพท์กับนายคัตซูมิ ซาโต พ่อชาวญี่ปุ่น ที่สถานทูตญี่ปุ่น ประจำประเทศไทย ด.ช.เคอิโงะ ซาโต ก็เริ่มต้นชีวิตที่ จ.พิจิตร ด้วยความแจ่มใส ร่าเริง เมื่อวันที่ 24 พ.ค. ด.ช.เคอิโงะตื่นนอนตั้งแต่เวลา 08.00 น. แต่งกายชุดนักกีฬา ที่นายสมชัย หทยะตันติ ผู้ว่าราชการจังหวัดพิจิตรมอบให้ เพื่อออกไปวิ่งแก้บนกับหลวงพ่อเพชร พระประธานในพระอุโบสถ วัดท่าหลวง พระอารามหลวง อ.เมือง จ.พิจิตร ที่เคยอธิษฐานบนบานไว้ว่าหากได้พูดคุยกับพ่อ หรือเจอพ่อชาวญี่ปุ่นจะวิ่งรอบอุโบสถจำนวน 50 รอบ ซึ่งการวิ่งแก้บนครั้งนี้มี ด.ช. มี ด.ช.อเนก พรมเมือง และด.ช.นัฐพล เอี่ยมอุไร เพื่อนคู่หูคอยนับว่าวิ่งได้กี่รอบแล้ว แต่เมื่อวิ่งได้ 15 รอบถึงกับหอบ เดินลิ้นห้อยเข้าไปกินน้ำในถังน้ำเย็นที่มีเตรียมไว้บริการนักท่องเที่ยว ท่ามกลางกองเชียร์และนักท่องเที่ยว ที่มากราบไหว้หลวงพ่อเพชร ตะโกนบอกว่าถ้าเหนื่อยก็วิ่งผ่อนส่งในวันต่อไปก็ได้ แต่ด.ช.เคอิโงะไม่ยอม กลับตอบไปว่า "กลัวว่าหลวงพ่อเพชรจะโกรธ ถ้าไม่ทำตามสัญญา" จากนั้นก็ลงมือวิ่งต่อไป ท่ามกลางกองเชียร์นับร้อยคนที่คอยปรบมือและมอบรางวัลให้จนถึงรอบที่ 25 ก็ถึงกับหอบลิ้นห้อย แต่ก็ไม่ยอมหยุด จนกระทั่งด.ช.อเนก ซึ่งเป็นเพื่อนคู่หูมาขอแตะมือและช่วยวิ่งแทนให้อีก 10 รอบ รวมเป็น 35 รอบแล้ว จากนั้นด.ช.เคอิโงะหายเหนื่อยก็วิ่งต่ออีกจนครบ 50 รอบ เรียกเสียงเฮปรบมือจากกองเชียร์ หลังจากวิ่งเสร็จ ด.ช.เคอิโงะก็เดินเข้าไปกราบไหว้หลวงพ่อเพชรแล้วกล่าวว่า "หนูเจอพ่อแล้ว ขอบคุณหลวงพ่อเพชรที่ช่วยหนู วันนี้หนูมาวิ่งแก้บนตามที่สัญญาแล้วนะครับ"

หลังจากวิ่งแก้บนเรียบร้อยแล้ว ปรากฏว่าด.ช.เคอิโงะเกิดอาการหน้ามืดเป็นลม นักท่องเที่ยวที่เดินทางไปกราบไหว้หลวงพ่อเพชรเห็นเข้าพากันตกใจ จึงได้ช่วยกันพยุงให้มาที่ใต้ร่มไม้ และช่วยกันปฐมพยาบาลให้ดมยา และนอนพัก หลังจากหายจากการเป็นลมแล้ว ด.ช.เคอิโงะจึงได้ลุกขึ้น แบกถุงอาหารปลาเดินเร่ขายให้นักท่องเที่ยวที่มาท่องเที่ยวต่อ รวมทั้งช่วยป้าขายส้มตำ ไก่ย่าง อยู่ที่หน้าวัดท่าหลวงตามปกติ

ด.ช.เคอิโงะกล่าวว่า ขณะนี้ตนนับวันรอเวลาที่จะได้พบพ่อชาวญี่ปุ่นที่สัญญากันไว้ หลังจากที่มีการพูดคุยกันทางโทรศัพท์ ที่สถานทูตญี่ปุ่นว่าจะมาหาตนเองที่พิจิตรในงานแข่งเรือยาวประเพณีที่จะมีขึ้นในวันที่ 4-5-6 ก.ย. ตนหวังไว้ว่าจะต้องได้พบพ่อตามสัญญา ซึ่งจะรอพ่อ แม้ว่าจะคิดถึงพ่อมากขนาดไหน นอกจากนี้พยายามขายอาหารปลา ส่วนหนึ่งช่วยป้าเป็นค่ากับข้าว อีกส่วนหนึ่งก็จะเก็บเงินไว้ให้ป้าซื้อโทรศัพท์มือถือให้ เพื่อจะได้เอาไว้พูดโทรศัพท์กับพ่อให้หายคิดถึง

ทางด้านนางปัทมา จตุพิศ ป้าด.ช.เคอิโงะ กล่าวว่า สาเหตุที่ด.ช.เคอิโงะเป็นลมนั้น เนื่องจากยังไม่ได้ทานข้าว อีกทั้งอ่อนเพลีย เพราะเพิ่งกลับมาจากกรุงเทพฯ นอนไม่เต็มอิ่ม ตนบอกให้อยู่บ้านไม่ต้องออกมาช่วยขายอาหารปลา แต่ก็ไม่ยอม บอกอยากจะหาเงินช่วยป้า อีกทั้งอยากจะขายอาหารปลาเพื่อเก็บเงินไว้ซื้อโทรศัพท์มือถือเพื่อจะได้คุยกับพ่อ


ผู้สื่อข่าวรายงานว่าในวันจันทร์ที่ 25 พ.ค. นายสมชัย หทยะตันติ ผู้ว่าราชการจังหวัดพิจิตร จะมาเป็นประธานเปิดการเรียนการสอนภาษาญี่ปุ่น ที่ศูนย์พัฒนาฝีมือแรงงานจังหวัดพิจิตร ให้ด.ช.เคอิโงะ และเด็กทั่วไปที่ต้องการเรียนภาษาญี่ปุ่น ซึ่งนายไพฑูรย์ แก้วทอง รมว.แรงงาน ได้จัดทีมนักเรียนทุนที่มีความรู้ภาษาญี่ปุ่น ซึ่งมีแสดงความจำนงมากว่า 10 คนแล้ว

ขณะเดียวกัน ที่ จ.นครราชสีมา ผู้สื่อข่าวได้รับแจ้งจากนายสมโภชน์ นามประสิทธิ์ นายกอบต.ไชยมงคล อ.เมือง จ.นครราชสีมา ว่ามีเด็กชาย-หญิง 3 พี่น้อง ลูกครึ่งไทย-ญี่ปุ่น อาศัยอยู่ที่บ้านเลขที่ 20/2 บ้านหนองพลวงใหญ่ หมู่ 3 ต.ไชยมงคล อ.เมือง จึงเดินทางไปตรวจสอบ พบว่าเป็นบ้านชั้นเดียว ครึ่งปูนครึ่งไม้ สภาพเก่าทรุดโทรม ภายในบ้านมีสิ่งของเครื่องใช้อำนวยความสะดวกเพียงพัดลม และหม้อหุงข้าว พบเด็กชาย 1 คน และเด็กหญิงอีก 2 คน ทั้งสามคนแต่งกายปกติเหมือนเด็กพื้นบ้านธรรมดา แต่มีลักษณะที่แตกต่างจากเด็กทั่วไป คือผิวขาว มีรูปร่างหน้าตาคล้ายเด็กญี่ปุ่น นั่งเล่นอยู่ที่บริเวณหน้าบ้าน ทราบชื่อคือ ด.ช.มาซามิ ฮายาชิ อายุ 8 ขวบ ด.ญ.ยูกิ ฮายาชิ อายุ 6 ขวบ และด.ญ.มิโดริ ฮายาชิ อายุ 4 ขวบ ทั้งสามคนอาศัยอยู่กับยาย คือนางแต๋ว แก้วน้ำเย็น อายุ 65 ปี

จากการตรวจสอบเอกสารหลักฐานของเด็กลูกครึ่งทั้ง 3 พบหนังสือสำคัญประจำตัวออกโดย น.ส.ศรัญญา ปาลีวงศ์ นายทะเบียน สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงโตเกียว โดยระบุสถานที่ และวันเดือนปีเกิดของเด็กทั้งสามคนว่า เกิดที่ร.พ.อาซาฮิจูโอ อ.อาซาฮิ จ.ชิบะ มารดาผู้ให้กำเนิดคือ นางประดับ แก้วน้ำเย็น บิดาคือนายคาอิจิ ฮายาชิ ชาวญี่ปุ่น และหนังสือเดินทางเลขที่ T 505214 ของนางประดับ แก้วน้ำเย็น เลขประจำตัวประชาชน 3 30010 1381 02 8 ออกวันที่ 17 ก.ย.2547

นายสมโภชน์เปิดเผยว่า เด็กลูกครึ่งทั้งสาม พร้อมนางประดับ และนายคาอิจิ สามีชาวญี่ปุ่น เดินทางมาอยู่ในพื้นที่ตั้งแต่ต้นปี พ.ศ.2551 หลังจากที่อยู่กินกันเป็นครอบครัวได้ประมาณ 3 เดือน นายคาอิจิก็ตัดสินใจเดินทางกลับไปทำงานที่บ้านเกิดประเทศญี่ปุ่น แต่ก็ยังส่งเงินมาเลี้ยงดูแลลูกและเมีย เป็นเงินรายเดือน เดือนละ 2-3 หมื่นบาท จนกระทั่งนางประดับป่วยเป็นโรคตับวาย และเสียชีวิตเมื่อวันที่ 11 พ.ค.2551 เมื่อนายคาอิจิทราบข่าวว่าภรรยาเสียชีวิตจึงขาดการติดต่อ ปล่อยให้ลูกทั้งสามคนเป็นภาระให้กับยายแต๋ว ซึ่งมีฐานะยากจน มีอาชีพรับจ้างเก็บมัน หาเช้ากินค่ำ เลี้ยงดูหลานลูกครึ่งทั้งสามคนตามอัตภาพ อดมื้อกินมื้อ มิหนำซ้ำ ด.ช.มาซามิ หลานชายคนโต มีร่างกายที่ไม่แข็งแรง มีโรคประจำตัว ป่วยเป็นโรคหืดหอบ มีอาการภูมิแพ้ควัน ฝุ่น และเกสรดอกไม้อย่างรุนแรง แต่ก็ไม่สามารถนำไปรักษาให้หายขาดได้ เนื่องจากไม่มีเงินค่ารักษา ทำได้เพียงแต่ส่งตัวไปรักษาที่ศูนย์อนามัยประจำตำบล เพื่อบรรเทาอาการเท่านั้น อย่างไรก็ตาม อบต.ไชยมงคล ได้ช่วยเหลือในเรื่องพยายามติดต่อนายคาอิจิหลายต่อหลายครั้ง แต่ก็ไม่สามารถติดต่อได้ เคยประสานไปยังสถานเอกอัครราชทูตให้ตามหานายคาอิจิ แต่ก็ได้รับการตอบกลับมาว่าในสารบบไม่พบคนที่มีชื่อตามที่แจ้งไป

"อบต.ไชยมงคลได้ช่วยเหลือเรื่องค่าใช้จ่าย และชีวิตความเป็นอยู่ตามความเหมาะสม เราได้ให้ ด.ช.มาซามิและด.ญ.ยูกิเข้าศึกษาที่โรงเรียนหนองพลวงใหญ่ ส่วนด.ญ. มิโดริได้รับการดูแลในศูนย์พัฒนาเด็กเล็กประจำตำบลไชยมงคล นอกจากนี้ยังได้ติดต่อประสานงานไปยังหน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง ขอให้ยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือ" นายสมโภชน์กล่าว

นายสมโภชน์กล่าวต่อว่า ที่ออกมาเปิดเผยเรื่องเด็กลูกครึ่งทั้งสามคนมิได้สร้างกระแสที่ต้องการจะเด่นดัง แต่อยากให้สังคมทราบว่ายังมีเด็กลูกครึ่งที่ประสบมรสุมชีวิต ที่ยังรอการช่วยเหลือ และอยากพบพ่อ เหมือนกับ ด.ช.เคอิโงะอยู่อีก 3 ชีวิต หากผู้ใจบุญต้องการบริจาคเงินช่วยเหลือ สามารถบริจาคผ่านชื่อบัญชี นางสมพร สือจะบก น้องสาวของยายแต๋ว ยายของเด็กลูกครึ่งทั้งสามคน เลขที่บัญชี 339-4-26076-8 ธนาคารกรุงเทพ สาขา ถ.มิตรภาพ อ.เมืองนครราชสีมา

ทางด้านยายแต๋วเล่าว่า หลังจากนางประดับลูกสาวของตนได้เสียชีวิตก็เลี้ยงดูหลานทั้งสามคนเพียงลำพัง เคยพยายามติดต่อกับนายคาอิจิทุกวิถีทางก็ไม่พบแม้วี่แวว ที่ยังสามารถเลี้ยงดูหลานทั้งสามคนนี้ได้มาจนถึงวันนี้ก็ได้รับความช่วยเหลือจากเพื่อนบ้าน และ อปท.ในพื้นที่ ความหวังของตนคือต้องการให้หลานทั้งสามคนมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีกว่านี้ มีการศึกษาที่ดี และที่สำคัญที่สุดคือต้องการความรักจากผู้เป็นพ่อ ขอฝากให้สื่อมวลชนช่วยเป็นกระบอกเสียงให้สังคม และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าช่วยเหลือหลานทั้งสามคนด้วย

ยายแต๋วยังเปิดเผยด้วยว่า สาเหตุที่มีหลานเป็นลูกครึ่งไทย-ญี่ปุ่นนั้น เมื่อ 10 ปีก่อน ลูกสาวคือนางประดับ เดินทางไปทำงานรับจ้างที่ อ.อาซาฮิ จ.ชิบะ ได้พบรักและแต่งงานอยู่กินกับนายคาอิจิจนมีลูกด้วยกัน 3 คน ส่วนอาชีพการงานรวมถึงประวัติของลูกสาวและเขยญี่ปุ่นตนไม่เคยทราบแต่อย่างใด จากนั้นเมื่อช่วงต้นปี 2551 นางประดับและครอบครัวได้เดินทางกลับมาอาศัยอยู่ภูมิลำเนาเดิม แต่อยู่ด้วยกันได้เพียง 3 เดือนนายคาอิจิก็เดินทางกลับไปทำงานที่ญี่ปุ่น

ด.ช.มาซามิ พี่ชายคนโต ได้บอกถึงความรู้สึกของตัวเองและน้องสาวทั้งสองว่า คิดถึงพ่อมาก ตั้งแต่แม่เสียชีวิตไปก็ไม่เคยพบพ่ออีกเลย ไม่เคยคิดว่าพ่อทิ้งพวกเราไป เวลาใดที่ได้ยินเสียงเครื่องบินบินผ่านหลังคาบ้านทุกครั้งจะบอกให้กำลังใจกับน้องสาวทั้งสองคนว่าพ่อจะมารับเราไปอยู่ด้วย

เครดิต :
เครดิต : เนื้อหาข่าว คุณภาพดี หนังสือพิมพ์ข่าวสด


ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์