เผยโจ๋ใช้ไอทีในทางที่ผิดพบนัดเสพยา - มีเซ็กส์อื้อ



กว่า90%วัยรุ่นใช้ไอทีกันคล่อง แต่มีจำนวนหนึ่งที่ใช้ในทางที่ผิดมีการโพสต์ข้อความชวนลามก-เสพติดเพียบ แนะพ่อแม่ให้ความใส่ใจ หวั่นเด็กไม่รู้เท่าทันจะเสียอนาคต

วานนี้ (17 พ.ค.) นพ.วศิน บำรุงชีพ จิตแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านสุรา และยาเสพติด โรงพยาบาลมนารมย์ เปิดเผยว่า ปัจจุบันอัตราการใช้อินเทอร์เน็ตของวัยรุ่นเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว พบว่ากว่า 90% วัยรุ่นจะต้องมีการใช้โปรแกรมไฮไฟว์ หรือ อีเมล์ส่วนตัวเกือบทุกคน จึงไม่แปลกใจที่วัยรุ่นปัจจุบันจะมีความรู้และความเชี่ยวชาญในด้านไอที

แต่สิ่งที่น่าเป็นห่วงมากในการใช้อินเทอร์เน็ตนอกจากการที่พบว่ามีเด็กจำนวนหนึ่งใช้เพื่อเสพสื่อลามกอนาจารแล้ว ยังมีเรื่องของยาเสพติดเข้ามาเกี่ยวข้องอีกด้วย

โดยเฉพาะเมื่อเข้าไปในห้องสนทนาต่างๆ จะพบว่ามีการโพสต์ข้อความชักชวนกันไปเสพยาเสพติดกันอย่างโจ่งแจ้ง เช่น โปรแกรมแคมฟร็อกที่มีวัยรุ่นโพสต์ข้อความที่ว่า "XXX ใคร ไฮ ไฮ ป๋ม ไฮค้าง ขอพี่ใหญ่7+อายุ30 นะคาฟป๋ม XXX" หรือ "อยากเล่นสเก็ต อยากไฮต์ รามคำแหงคุยกัน" หรือไม่ก็บอกว่า "ใครสนใจอยากทานน้ำแข็งไสคุยกัน" ที่ปรากฎอยู่ในห้องสนทนาแทบทุกวัน ซึ่งข้อความที่โพสต์นั้นหมายถึงการชักชวนกันไปเสพยาไอซ์ และมีเซ็กส์ร่วมด้วย 

นพ.วศิน กล่าวต่อว่า วัตถุประสงค์ของคนที่เข้าไปแชตมีอยู่ 3 ข้อหลัก ๆ คือ

1.เข้าไปเล่นเพื่อต้องการหาเพื่อนคุย เพื่อความสนุกสนานเพียงอย่างเดียว 2.เข้าไปเล่นเพื่อต้องการหาเซ็กส์ และ 3.เข้าไปเล่นเพื่อต้องการหาเพื่อนเสพยาเสพติด แต่สำหรับการใช้อินเทอร์เน็ตของวัยรุ่นส่วนมากจะเน้นหนักไปที่เรื่องการหา คู่หรือหาเซ็กส์ รวมไปถึงยาเสพติดมากกว่า ซึ่งถือว่าเป็นการใช้ที่ผิดประเภท และผิดวัตถุประสงค์ โดยเฉพาะเรื่องของยาเสพติดแล้วถือว่าเป็นสิ่งที่น่ากลัวที่พ่อแม่จะต้องตื่นตัวเฝ้าระวังอยู่ตลอดเวลา 

นพ.วศิน กล่าวอีกว่า เมื่อมีคนโพสต์ข้อความชักชวนนัดกันไปปาร์ตี้พ่อแม่จะไม่สามารถรู้ได้เลยว่าลูกจะออกไปเสพยาไอซ์ เพราะ ข้อความและศัพท์แต่ละคำที่วัยรุ่นโพสต์นั้นไม่ได้ชี้เฉพาะเจาะจงว่า เป็นยาเสพติด หากพ่อแม่ไม่ได้ใส่ใจรายละเอียดเล็ก ๆน้อย ๆ เหล่านี้อาจจะทำให้บุตรหลานเข้าไปอยู่ในวงจรอุบาทว์ได้ในที่สุด

ผลกระทบที่ตามมานอกจากเสียสุขภาพแล้ว ผลการเรียนหรือการทำงานอาจจะลดลง ยิ่งไปกว่านั้นถ้าหากเด็กเสพยาแล้วมีเรื่องของเพศสัมพันธ์ร่วมด้วยอาจจะ เสี่ยงกับโรคติดต่อ หรือไม่อาจจะกลายเป็นเหยื่อของพวกที่ชอบถ่ายคลิปหรือภาพโป๊ แล้วเอามาโพสต์ในอินเตอร์เน็ต สร้างความอับอายและเสื่อมเสียตามมามากมาย 

นพ.วศิน กล่าวเพิ่มว่า สำหรับสาเหตุที่ทำให้เด็กติดยาเสพติดนั้นเกิดจากปัจจัย 2 อย่างคือ

ปัจจัยภายใน คือตัวของเด็กเอง ซึ่งอาจจะมีปัญหาด้านครอบครัว ขาดความอบอุ่น พ่อแม่ไม่มีเวลาให้ลูก ทำให้ไม่มีเวลาสอนทักษะในการปฏิเสธการชักชวนไปในทางที่ผิด และปัจจัยภายนอก คือ อินเทอร์เน็ตที่เข้ามามีผลกระทบทำให้เด็กเข้าไปยุ่ง เกี่ยวกับยาเสพติดได้ เพื่อเป็นการตัดวงจรอุบาทว์ของยาเสพติด และป้องกันไม่ให้ภัยยาเสพติดเข้าใกล้ลูกหลาน การป้องกันและแก้ไข คือ พ่อแม่ควรหาเวลาว่างเพื่อสร้างปฏิสัมพันธ์ที่ดีให้กับลูก รวมถึงพยายามสื่อสารกับลูกอย่างต่อเนื่อง พูดจาสุภาพ ไม่ควรดุด่า หรือตวาดใส่ลูก พ่อแม่ต้องพยายามทำตัวเป็นเพื่อนลูก ไปไหนมาไหนกับลูกมากขึ้น และควรสอนเรื่องทักษะทางสังคมให้กับลูก เช่นการแก้ไขปัญหาต่างๆ 

นอกจากนี้ นพ.วศิน กล่าวด้วยว่า พ่อแม่จะต้องคอยเฝ้าระวังคอยสอดส่องถึงการใช้อินเทอร์เน็ตของลูก ๆ คอยเช็คดูในบางครั้งว่าลูกใช้คำศัพท์ที่แปลกใหม่ในการสนทนาหรือไม่

ที่อาจจะ เกี่ยวข้องกับสารเสพติด มีคำอะไรที่แปลก อ่านแล้วไม่เข้าใจ ควรจะที่จะลองถามลูก หรือ เด็กวัยรุ่นคนอื่น ๆ ดูว่าคำศัพท์เหล่านั้นหมายถึงอะไร เพราะอินเทอร์เน็ตในปัจจุบันนี้ถือเป็นดาบสองคม นับวันยิ่งอันตรายมากขึ้น พ่อแม่จะต้องช่วยกันสกรีนให้ดี ซึ่งจุดนี้สำคัญมากที่พ่อแม่จะต้องมีความกล้าที่จะเข้าไปเช็คดูถึงพฤติกรรม การใช้อินเทอร์เน็ต และต้องควบคุมการใช้อินเทอร์เน็ตของลูกว่าในแต่ละวัน

หากไม่มีการกำหนดเวลาในการเล่น ให้อิสระในการเล่นตลอด 24 ชั่วโมง สิ่งยั่วยุต่างๆ เช่น ภาพโป๊ คลิปวีดีโอ หรือข้อความเชิญชวนนัดกันไปเสพยาเสพติดอาจจะเข้าถึงตัวเด็กได้ง่าย

เครดิต :
ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดยหนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์