คมชัดลึก :ปลัดพม.มีคำสั่งด่วนย้ายพม.พิจิตรไปบุรีรัมย์ หลังพบเมินเฉยการช่วยดช.เคอิโงะ ลูกครึ่งไทยญี่ปุ่น ทั้งที่รู้ข่าวนับปี เจ้าตัว ยอมรับคำสั่งแต่ปฎิเสธขัดแย้งนักข่าว
(15พ.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายวัลลภ พลอยทับทิม ปลัดกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์
มีคำสั่งย้ายด่วนที่ 219/2552 ให้ย้าย นายประสิทธิ์ มีช้าง ผู้อำนวยการสำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดพิจิตร ไปประจำที่ จังหวัดบุรีรัมย์ ส่วนสาเหตุการย้ายฟ้าผ่าครั้งนี้ เนื่องจาก พม.พิจิตร รู้เรื่อง ด.ช.เคอิโงะ ซาโต มากว่า 1 ปี แต่กลับทำนิ่งเฉย อีกทั้งเมื่อ ด.ช.เคอิโงะ ตกเป็นข่าวหลายหน่วยงานยื่นมือเข้าช่วยเป็นการแบ่งเบาภาระงบประมาณของทางราชการ แต่นายประสิทธิ์ กลับไปพูดแซวผู้สื่อข่าวที่ทำข่าวว่า“เอาเด็กมาหากิน” จึงทำให้สื่อมวลชนพิจิตรไม่พอใจ และตบเท้าไปฟ้องผู้ว่าฯ พิจิตร
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าที่ผ่านมา หน่วยงาน พม.พิจิตร กับผู้สื่อข่าว เหมือนขมิ้นกับปูน หรือลิ้นกับฟันมาตลอด
อีกทั้งมีเจ้าหน้าที่สุภาพสตรีรายหนึ่ง มักจะมามีบทบาท ปะทะคารมกับนักข่าวเสมอ อีกทั้งบางครั้งยังดุชาวบ้านที่มาติดต่อราชการ จนมีการร้องเรียนสื่อหลายครั้ง นายประสิทธิ์ มีช้าง ผอ.พม.พิจิตร กล่าวหลังรับทราบคำสั่งว่า ไม่เคยพูดแซว หรือ ล่วงเกินสื่อมวลชน หรือผู้ที่ตกเป็นข่าวแต่อย่างใด อาจสื่อความหมายผิด ซึ่งได้โทรศัพท์ปรับความเข้าใจกับสื่อมวลชนหลายแขนงแล้ว นอกจากนี้เรื่องทำงานก็เต็มที่ เพราะเป็นคนพิจิตร บ้านเกิดอยู่ตลาดวังกรด อ.เมือง จ.พิจิตร
ส่วนเรื่องพนักงานในสำนักงานแตกแยก หรือมีพนักงานที่ชื่อ“นุช”ชอบทำตัวกร่าง ขัดแย้งสื่อมวลชน หรือพูดไม่ไพเราะ กับชาวบ้าน ตนก็ได้ปรับเปลี่ยนหน้าที่ให้ไปอยู่แนวหลังแล้ว
ส่วนเรื่องที่จะมีคำสั่งย้ายก็ถือว่า เป็นความเหมาะสมของผู้บังคับบัญชาที่ต้องย้ายไปตามวาระ แต่อยู่ที่ไหนก็ตั้งใจทำงานให้ดีที่สุด ขอให้ทุกฝ่ายสบายใจได้ อย่านำมาเป็นเรื่องแตกแยก ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้เป็นวันแรกที่ดช.เคอิโงะ ซาโต และนางปัทมา จตุพิศ ผู้เป็นป้า เริ่มวิถีชีวิตประจำวันอีกครั้ง โดยนางปัทมาจัดเตรียมอุปกรณ์ในการขายอาหาร ไม่ว่าจะเป็นลูกชิ้นปิ้ง ไก่ย่าง ส้มตำ ขณะที่เคอิโงะก็เตรียมอาหารปลาไปจำหน่ายที่วัดท่าหลวง ซึ่งเป็นอาชีพที่ทำมาก่อนหน้านี้
ขณะที่ธารน้ำใจก็ยังหลั่งไหล เข้าช่วยเด็กชายเคอิโงะ ไม่ขาดสาย ล่าสุด นางกมลวรรณ หัทยะตันติ นายกเหล่ากาชาติจังหวัดพิจิตร นำจักรยานใหม่ไปให้เด็กชายเคอิโงะ
พร้อมเสื้อผ้านักเรียนชุดใหม่ แต่เด็กชายเคอิโงะก็ยังแสดงทีท่าประหยัดเหมือนเดิมทั้งที่ดีใจ และชอบมากกับจักยานคันใหม่ แต่ก็บอกว่าจะขอขับคันเก่าให้พังไปก่อนจึงจะนำคันใหม่ออกไปใช้ ขณะที่หลายฝ่ายเริ่มที่จะเป็นห่วงการตามหาตัวนายคัทซูมิ ซาโต ผู้เป็นพ่อว่าจะเกิดการล้มเหลว เพราะขณะนี้ผ่าน 5 วันแล้ว ยังไร้วี่แววทั้งที่เทคโนโลยีการตามหาตัวของประเทศญี่ปุ่นมีคามเจริญกว่าประเทศไทยหลายสิบเท่าโดยประเทศไทยใช้เวลา ค้นหาประวัติพบภายใน 3 ชั่วโมง แต่ในประเทศญี่ปุ่นยังไร้วี่แวว
นายสมชัย หัทยะตันติ ผู้ว่าราชการจังหวัดพิจิตร กล่าวว่า ยังมีความพยามตามหาตัวนายคัทซูมิอย่างต่อเนื่อง รวมถึงการประสานสถานทูตญี่ปุ่นและกงสุล
นอกจากนั้นยังได้ ฝากข้อความถึงผู้สื่อข่าวจากหลายสำนักของญี่ปุ่นที่เดินทางมาสัมภาษณ์เมื่อวานนี้ว่า ถ้า นายคัทซูมิ ติดขัดประการใดในการแสดงตัวที่จะออกมาพบลูกอย่างน้อยก็ขอให้โทรศัพท์มาหาป้า เพื่อคุยกับลูก หรือการส่ง sms มาให้ลูกได้เห็นหน้าก็ยังดี เพราะจะเป็นกำลังใจให้กับลูก