ชนสะพาน - รถพ่วง 18 ล้อบรรทุกรถแบ๊กโฮชนกับสะพานลอยคนข้าม บริเวณปากซอยรามคำแหง 79/2 กทม. จนตัวสะพานทรุด ต้องปิดถนนซ่อมแซมกว่า 10 ช.ม. ทำให้รถราในย่านดังกล่าวติดขัดหนัก ตามข่าว |
เมื่อเวลา 15.00 น. วันที่ 8 พ.ค. ร.ต.ท. อัศนีย์ชัย เร่งเทียน พงส.(สบ 1) สน.หัวหมาก
รับแจ้งมีอุบัติเหตุรถพ่วงบรรทุกรถแบ๊กโฮชนราวสะพานลอยคนข้าม บริเวณปากซอยรามคำแหง 79/2 ถนนรามคำแหง ขาออก แขวงหัวหมาก เขตบางกะปิ จึงรุดตรวจสอบที่เกิดเหตุ พร้อมด้วย พ.ต.ท.ประสิทธิ์ ทองคำ สว.จร.สน.หัว หมาก นายประสิทธิ์ ทองนุ่น ผอ.เขตบางกะปิ
จากการตรวจสอบที่เกิดเหตุอยู่บริเวณฝั่งตรงข้าม บริษัท ไออีซี พบรถพ่วง 22 ล้อ ยี่ห้ออีซูซุ สีขาว บริษัทชิโน-ไทย หมายเลขทะเบียน 96-2498 กทม. และหมายเลขทะเบียนพ่วง 97-5120 กทม. ซึ่งบรรทุกรถแบ๊กโฮขนาดใหญ่ สีส้มมาข้างหลัง ทำให้คานตักของรถแบ๊กโฮ ไปชนติดกับขอบปูนคานสะพานลอยคนข้าม ซึ่งมีความสูงประมาณ 5 เมตร ทำให้คานแท่งปูนแตกหัก ตัวสะพานทำท่าจะหล่นลงไป เจ้าหน้าที่ต้องปิดการจราจร ตั้งแต่ปากซอยรามคำแหง 65 จนถึงแยกคลองตันทันที ทำให้รถยนต์ที่ใช้เส้นทางถนนรามคำแหง ทั้งขาเข้าและขาออกติดขัดอย่างมาก หลังจากนั้นเจ้าหน้าที่จึงประสานรถยกมาดำเนินการเคลียร์พื้นที่ แต่ก็ต้องพบอุปสรรค เนื่องจากต้องใช้รถเครนหลายคัน มายกพยุงตัวสะพานไว้ เพื่อให้รถบรรทุกเคลื่อนตัวออกไปจึงจะทำการตรวจสอบความเสียหายของตัวสะพานได้ ซึ่งการกู้สะพานครั้งนี้ กินเวลานานหลายชั่วโมงเลยทีเดียว และมีการปิดการจราจรในย่านดังกล่าวนานนับสิบชั่วโมง
จากการสอบสวนนายจันทร์สมร บุญมา อายุ 40 ปี อยู่บ้านเลขที่ 59 หมู่ 11 ต.แก่งโสภา อ.วังทอง จ.พิษณุโลก ซึ่งเป็นคนขับรถบรรทุกคันดังกล่าว ให้การว่า
ก่อนเกิดเหตุขับรถบรรทุกพ่วงไปรับรถแบ๊กโฮที่สนามกีฬาหัวหมาก เพื่อนำกลับไปยังบริษัทชิโน-ไทย ย่านอโศก เนื่องจากที่สนามกีฬาหัวหมาก มีการก่อสร้างสนามกีฬาในร่ม จากนั้นตนก็ขับรถออกมุ่งหน้าตามเส้นทางถนนรามคำแหงขาออก โดยผ่านบริเวณปากซอยรามคำแหง 65 ซึ่งก็มีสะพานลอยคนข้ามอยู่เช่นกันแต่ก็ไม่มีปัญหาอะไร จนมาถึงบริเวณจุดเกิดเหตุ คานตักรถแบ๊กโฮก็ชนกับคานสะพานลอยอย่างจัง จนหลุดออกจากเสาวางคานสะพานดังกล่าว
ด้านนางพิมพ์ชนก อุดอาจ อายุ 50 ปี ซึ่งเป็นแม่ค้าขายของ กล่าวว่า
ก่อนเกิดเหตุตนเห็นรถบรรทุกคันดังกล่าว ขับมาด้วยความเร็วจนกระทั่งพุ่งชนเข้ากับสะพานลอย ซึ่งระหว่างนั้นบนสะพานลอยมีคนอยู่ประมาณ 2-3 คน ทำให้ต้องวิ่งหนีเอาชีวิตรอดลงมาอย่างโกลาหล โชคดีที่ไม่มีใครเป็นอะไร โดยก่อนหน้านี้ก็เคยมีรถพุ่งชนคานสะพานมาแล้ว แต่รถคันที่ชนก็ขับถอยหลังก่อนขับผ่านไปได้
นายประสิทธิ์ ทองนุ่น กล่าวว่า
หลังเกิดเหตุเจ้าหน้าที่ได้ปิดเส้นทางการจราจร โดยให้ประชาชนที่ต้องการใช้เส้นทางดังกล่าว เปลี่ยนไปใช้เส้นทางเบี่ยงข้างบริษัทโอสถสภา มุ่งหน้าถนนพระรามเก้า และถนนศรีนครินทร์ ก่อนนำรถแบ๊กโฮจำนวน 3 คัน มายกซากคานสะพานออก โดยคานสะพานดังกล่าวนั้นมีน้ำหนักประมาณ 100 ตัน การยกต้องใช้เวลานานกว่าจะกู้ได้ ส่วนมูลค่าความเสียหายอยู่ที่ประมาณ 9 ล้านบาท
ร.ต.ท.อัศนีย์ชัย กล่าวว่า ในเบื้องตัน ดำเนินคดีนายจันทร์สมร ในข้อหาขับรถโดยประมาทเป็นเหตุให้ทรัพย์สินทางราชการได้รับความเสียหาย ซึ่งจะได้เรียกตัวแทนบริษัทชิโน-ไทยมสอบปากคำแจ้งข้อหาต่อไป