เชิดชูด.ญ. 12 ขวบเก็บเงิน สด 1.4 แสนได้คืนเจ้าของ พบ ตกอยู่กลาง ถนน จยย.รับจ้างที่ผ่านมาฉวยโอกาสเอาไป พร้อมเสนอแบ่งให้
แต่สาวน้อยใจซื่อไม่เอา เพราะไม่ใช่เงินของตัวเอง อีกทั้งแม่สอนไว้ไม่ ให้เอาของคนอื่น กลับถึงบ้านบอกแม่ ก่อนโทร. แจ้งตร. สืบหาตัวจยย.จนเจอ สาวเจ้าของเงิน คิดว่าไม่ได้เงินคืนแล้ว จะไม่ลืมความดีของด.ญ. ใจซื่อ พร้อมมอบเงินรางวัลเป็นสินน้ำใจ 5 พัน ตร.มอบประกาศเกียรติคุณ เผยเพิ่งอบรมเยาวชนต้านภัยยาเสพติด ส่วนวินจยย.รอดถูกดำเนินคดี เพราะรีบคืนเงินทันที อีกทั้งเจ้าของไม่ติดใจ
เมื่อเวลา 13.30 น. วันที่ 7 พ.ค. ที่สน. บึงกุ่ม พ.ต.อ.อำนาจ อินทรประสาท ผกก.สน. บึงกุ่ม
พร้อมคณะกรรมการตรวจสอบและติด ตามการบริหารงานตำรวจ(กต.ตร.) สน.บึงกุ่ม มอบประกาศเกียรติคุณ และเงินรางวัลให้กับด.ญ.สุพรรณิการ์ ทองสา หรือน้องแพรว อายุ 12 ปี นักเรียนชั้นป.5/1 โรงเรียนคลองกุ่ม ภายหลังจากเมื่อวันที่ 6 พ.ค.ที่ผ่านมา น้องแพรวเก็บเงินสดจำนวน 140,000 บาทได้ภายในหมู่บ้านเอื้ออาทร หลังสำนักงานเขตบึงกุ่ม ถนนเสรีไทย แขวงคลองกุ่ม เขตบึงกุ่ม ของน.ส.ศิริพร มหาโคตร อายุ 25 ปี ที่พักอยู่ในหมู่บ้านเอื้ออาทรเช่นเดียวกัน
พ.ต.อ.อำนาจ กล่าวว่า เมื่อวันที่ 6 พ.ค. เวลา 18.00 น. น.ส.ศิริพรเข้ามาแจ้งความกับพนักงานสอบสวนสน.บึงกุ่มว่าทำเงินสดจำนวน 140,000 บาทหายไปบริเวณหมู่บ้านเอื้ออาทร
จึงสั่งให้ฝ่ายสืบสวนดำเนินการติดตาม สืบหาจนกระทั่งต่อมาทางมารดาของน้องแพรวโทรศัพท์มาแจ้งว่าบุตรสาวพบเงินจำนวนดังกล่าว แต่ถูกผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์รับจ้างเอาไปแล้ว ตอนแรกผู้ขับขี่คนดังกล่าวเสนอจะแบ่งเงินให้ แต่บุตรสาวไม่ยอมรับ จึงสั่งให้ฝ่ายสืบ สวนไปสอบถามข้อมูลรูปพรรณของผู้ขับขี่รถจยย.รับจ้างคนดังกล่าว โดยน้องแพรวสามารถบอกลักษณะได้อย่างละเอียด จนพบตัวผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์รับจ้างคนดังกล่าว และคืนเงินให้ครบจำนวน 140,000 บาท
พ.ต.อ.อำนาจ กล่าวต่อว่า เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ทางสน.บึงกุ่มเพิ่งไปอบรมเด็กๆ ที่หมู่บ้านเอื้ออาทร ตนยังจำได้ว่าน้องแพรวให้ความสนใจและนั่งอยู่แถวหน้าตลอด
หากน้องแพรวแบ่งเงินกับผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์รับจ้างแล้ว ทางตำรวจอาจจะไม่สามารถติดตามเงินผู้เสียหายคืนได้ ทั้งนี้ทางสน.บึงกุ่มจะทำหนังสือชมเชยไปยังโรงเรียนคลองกุ่ม และสำนักงานเขตบึงกุ่มที่อบรมนักเรียนได้ดี เพื่อเป็นตัวอย่างให้กับเยาวชนทั้งหลายในการที่จะมุ่งทำความดีในโอกาสต่อไป
ด้านด.ญ.สุพรรณิการ์ หรือน้องแพรว กล่าวว่า พักอาศัยอยู่ที่แฟลต 31 หมู่บ้านเอื้ออาทร กับพ่อแม่และน้องอีก 3 คน โดยแม่มีอาชีพรับจ้างเลี้ยงเด็ก
ส่วนพ่อมีอาชีพขับรถให้เจ้านาย เมื่อเย็นวานนี้เดินออกไปซื้อก๋วยจั๊บ แต่ขากลับระหว่างที่เดินผ่านหน้าแฟลต 25 พบเงินตกอยู่ที่พื้นถนน ในลักษณะมัดไว้ จึงก้มไปดู พบเงินจำนวนมาก ขณะนั้นมีผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์รับจ้างคนหนึ่งตรงเข้ามาสอบถามว่ามีอะไร ตนจึงบอกว่า พบเงินจำนวนดังกล่าว ผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์รับจ้างคนดังกล่าวรีบก้มลงหยิบเงินขึ้นมา แล้วบอกว่าจะแบ่งให้คนละครึ่ง แต่ผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์คันดังกล่าวส่งเงินให้ 60,000 บาท จึงบอกไปว่าไม่เอา เพราะไม่ใช่เงินของตนเอง จากนั้นจักรยานยนต์รับจ้างคนดังกล่าวนำเงินไปทั้งหมด ตนจึงเดินกลับเข้าบ้าน และเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมดให้มารดาฟัง มารดาจึงบอกว่า ดีแล้ว เพราะไม่ใช่เงินของเราเอง หลังจากนั้น มารดาโทรศัพท์แจ้งตำรวจ ตำรวจจึงมาสอบถามถึงรูปพรรณสัณฐานของผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์รับจ้างที่เป็นคนเอาเงินไป และตำรวจสามารถติดตามจนเจอตัว พร้อมกับได้เงินคืน ส่วนสาเหตุที่ไม่เอาเงินไว้นั้นเพราะแม่เคยสอนไว้ อีกทั้งก่อนหน้านี้ตำรวจเพิ่งมาอบรมให้ความรู้เกี่ยวกับเรื่องยาเสพติดในหมู่บ้าน จำได้ว่าตำรวจเคยสอนไว้ว่า ไม่ให้เอาของของคนอื่น จึงตัดสินใจที่จะไม่เอา
ด้านน.ส.ศิริพร กล่าวว่า วานนี้ ช่วงเวลาประมาณ 16.00 น. แฟนมาจอดรถที่หน้าแฟลต 25 เพื่อนำเงินมาให้จำนวน 140,000 บาทมาให้เพื่อนำไปใช้หนี้ให้พี่สาวที่ยืมมา จึงนำเงินใส่กระเป๋าสะพายไว้
หลังจากนั้นเดินอ้อมไปที่หลังรถ และเปิดกระโปรงท้ายรถ เพื่อหยิบรองเท้ามาเปลี่ยน ซึ่งเงินน่าจะหล่นช่วงที่ก้มหยิบรองเท้า เนื่องจากซิปกระเป๋าสะพายแตก แต่ไม่รู้ตัว หลังจากนั้นจึงขึ้นรถแฟนออกไปข้างนอก เมื่อกลับมาอีกทีเวลาประมาณ 18.00 น. จึงรู้ตัวว่าเงินจำนวนดังกล่าวหายไป ตอนแรกคิดว่าคงไม่ได้คืนแล้ว รู้สึกดีใจที่น้องแพรวเก็บเงินได้และนำมาคืน ตนจะไม่มีวันลืมน้องแพรวเลยเพราะถ้าเป็นคนอื่นมาเจอ ไม่รู้ว่าจะได้เงินคืนหรือไม่
พร้อมกันนี้น.ส.ศิริพรมอบเงินรางวัลเป็นสินน้ำใจให้น้องแพรวจำนวน 5,000 บาท
รายงานข่าวแจ้งว่า จากการสอบสวนทราบว่าผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์รับจ้าง 2 คันที่นำเงินจำนวนดังกล่าวไป ชื่อนายอุดร อ่อนจันทร์ และนายทอง ผลจันทร์ โดยร.ต.ท.หญิงลัดดาวัลย์ แสงมณี ร้อยเวรเจ้าของคดีเข้าไปสอบถามทั้ง 2 คนให้การว่า คิดว่าเงินดังกล่าวไม่มีเจ้า ของ จึงเอามาแบ่งกัน หลังจากนั้นมีเจ้าหน้าที่มาตามจึงรู้ว่าเงินมีเจ้าของ ก็นำส่งคืนตำรวจ โดยหลังสอบสวน เจ้าหน้าที่ไม่ได้แจ้งข้อหากับทั้งสอง เพราะเมื่อทราบว่าเจ้าหน้าที่ตามหาเงินที่หายอยู่ ก็นำเงินมาคืนให้ทันที ไม่ได้เอาไปแอบซุกไว้แต่อย่างใด อีกทั้งทางผู้เสียหายไม่ได้ติดใจจะเอาความกับทั้งคู่อีกด้วย
กระทู้ร้อนแรงที่สุดของวันนี้
กระทู้ล่าสุด
รูปเด่นน่าดูที่สุดของวันนี้
