แห่หยุดจ่ายหนี้บัตรเครดิต ขนาดกินเงินเดือนเกือบ 2 หมื่นยังช็อต



พิษเศรษฐกิจทรุดหนัก สัญญาณอันตรายพนักงานออฟฟิศรายได้ต่อเดือน 18,000 บาท เริ่มหยุดชำระหนี้บัตรเครดิต-สินเชื่อบุคคล เคทีซีคุมเข้มโยกพนักงานไปติดตามหนี้อีก 60 คน แผนธุรกิจปีนี้ประคองตัวให้ผ่านวิกฤติ


นายนิวัตต์ จิตตาลาน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทบัตรกรุงไทย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ปัญหาของธุรกิจบัตรเครดิตและสินเชื่อบุคคลที่น่าเป็นห่วงในตอนนี้คือ สัญญาการผิดนัดชำระหนี้เพิ่มขึ้นอย่าง ชัดเจน โดยกลุ่มผู้มีรายได้ต่อเดือน 17,000-18,000 บาท เริ่มหยุดชำระหนี้ ซึ่งคนในกลุ่มนี้ส่วนใหญ่จะเป็นพนักงานออฟฟิศ และทำธุรกิจอุตสาหกรรมขนาดกลางและย่อม (เอสเอ็มอี) หรือธุรกิจส่วนตัว โดยเฉพาะธุรกิจท่องเที่ยวและส่งออก

ตอนนี้ผมคิดว่าน่ากลัว คนระดับกลางที่เป็นพนักงานออฟฟิศที่มีรายได้ต่อเดือน 17,000-18,000 บาท อยู่ดี ๆ ก็เกิดอาการช็อตหยุดชำระหนี้ ขณะที่คนระดับล่างๆ เงินเดือน 7,000-8,000 บาท ไม่ต้องพูดถึง ไม่สามารถชำระหนี้ได้

สำหรับอัตราการผิดนัดชำระหนี้ของเคทีซีในปีนี้คาดว่าจะปรับเพิ่มขึ้นไปถึง 5% ของสินเชื่อ จากปัจจุบันอยู่ที่ระดับใกล้ ๆ 4% ของสินเชื่อ โดยการหยุดชำระหนี้ของลูกค้าบัตรเครดิตและสินเชื่อบุคคล จะทำให้กลายเป็นสินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (เอ็นพีแอล) อย่างไรก็ตาม เพื่อป้องกันไม่ให้หนี้เอ็นพีแอลเพิ่มขึ้น บริษัทได้ระมัดระวังในการปล่อยสินเชื่อ โดยสินเชื่อบุคคลในช่วง 3 เดือนที่ผ่านมา จากเดิมอนุมัติเดือนละ 20,000 ราย ปัจจุบันอนุมัติเป็นหลัก 100 ราย แต่ไม่ถึง 1,000 ราย


นอกจากนี้สินเชื่อรายเดิมได้มีการติดตามอย่างใกล้ชิด โดยเดือน มี.ค.ที่ผ่านมา

บริษัทได้มีการโอนย้ายพนักงานจากแผนกอื่นๆ ไปติดตามหนี้ จำนวน 60 ราย ปัจจุบันมีพนักงานติดตามหนี้ กว่า 300 ราย พร้อมกับเพิ่มระบบไอทีเข้าไปช่วย และเตรียมมาตรการประนอมหนี้ออกมา เช่น ยืดระยะเวลาการชำระหนี้ เพื่อให้มีกำลังผ่อนชำระ หรือลดหย่อนดอกเบี้ย

นายนิวัตต์กล่าวว่า การบริหารธุรกิจของบริษัท ในปีนี้ต้องพยายามให้บริษัทผ่านพ้นวิกฤติเศรษฐกิจไปให้ได้ โดยเคทีซีจะไม่ออกแคมเปญการตลาด เพื่อกระตุ้นยอดการใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิต หรือขยายฐานบัตรเครดิตให้เพิ่มขึ้น ขณะเดียวกัน จะพยายามรักษาพอร์ตสินเชื่อเดิมให้มีคุณภาพมากที่สุด และปรับลดค่าใช้จ่ายลง โดยผลประกอบการ ในปีนี้คงไม่ดีกว่าปี 2551 ที่ผ่านมา

บริษัทยักษ์ใหญ่ต่าง ๆ ก็ล้มหายตายจากไปเยอะ และในอนาคตก็ยังไม่รู้ว่าสิ่งที่เกิดจะหนักหนา กว่านี้หรือไม่

จึงต้องเตรียมรับมือให้ดี หน้าที่ตอนนี้ก็คือพาบริษัทผ่านพ้นวิกฤตินี้ไปให้ได้ และดูแล หนี้เสียให้ดี เพราะสภาวะแบบนี้ ยังไงหนี้เสียต้อง เพิ่มแน่ ทำให้ยังจะประนอมหนี้ให้เร็วที่สุด ติดตามหนี้ให้เร็วที่สุด ลูกหนี้ที่ยังพอมีศักยภาพก็ยืดหนี้ ออกไปได้ รอไว้ช่วงเศรษฐกิจที่ดี ลูกค้าในกลุ่มนี้จะมาใช้บริการเคทีซีอีก ไม่เสียลูกค้าคนนี้ไป

สำหรับภาวะเศรษฐกิจของประเทศไทยในขณะนี้ยังไม่เห็นจุดต่ำสุด เห็นจากตัวเลขของทางการที่ปรับลดประมาณการอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจต่อเนื่อง โดยเศรษฐกิจของไทยจะฟื้นหรือไม่ขึ้นอยู่กับเศรษฐกิจของสหรัฐฯ หากนายบารัก โอบามา ประธานาธิบดีสหรัฐฯ สามารถแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจได้เร็ว ประเทศไทยก็จะกลับมาฟื้นไปด้วย โดยสัญญาณการฟื้นตัวจะดูได้จากตัวเลขเงินเฟ้อที่เพิ่มขึ้น


นายนิวัตต์กล่าวอีกว่า การเพิ่มทุนจดทะเบียน ที่จะเข้าสู่ที่ประชุมผู้ถือหุ้นในวันที่ 30 เม.ย.นี้ ในอัตรา 1 หุ้นเดิมต่อ 3 หุ้นใหม่ ราคาหุ้นละ 10 บาท ซึ่งสูงกว่าราคาในตลาด ธนาคารกรุงไทยในฐานะผู้ถือหุ้นใหญ่ 49% ไม่มีปัญหาเรื่องของการใช้สิทธิ์ เพราะเป็นการมองระยะยาว และหากเคทีซีเป็นรัฐวิสาหกิจ ก็จะทำให้มีความมั่นคงยิ่งขึ้น

เครดิต :
ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดยหนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์