แบงก์ชาติระบุ หนี้เอ็นพีแอลพุ่ง 5.5% ไตรมาสแรกปีนี้ เพิ่มขึ้น 19,000 ล้านบาท หรือ 5.3% จากไตรมาสก่อน จับตาหนี้ภาคอสังหาฯพุ่ง
นางสาวนวพร มหารักขกะ ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายกลยุทธ์สถาบันการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กล่าววันนี้ (24 เม.ย.) ถึง ตัวเลขหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (Gross NPL) ไตรมาส 1 ปี 2552 พบว่า เอ็นพีแอลเพิ่มขึ้นอยู่ที่ 5.5% เมื่อเทียบกับไตรมาส 4 ปี 2551 ที่เอ็นพีแลอยู่ที่ 5.3% หรือคิดเป็นมูลค่าประมาณ 19,081 ล้านบาท ทั้งนี้ เอ็นพีแอลที่เพิ่มขึ้นเป็นผลมากจากภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัวลง โดยการเพิ่มขึ้นของหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ของลูกหนี้ใหม่ จะเพิ่มขึ้นมากกว่าลูกหนี้ที่เคยเป็นหนี้เอ็นพีแอลแล้วที่กลับมาเป็นหนี้ใหม่
อย่างไรก็ตามหากดูเป็นรายภาคธุรกิจจะพบว่า เอ็นพีแอลเพิ่มขึ้นมากในทุกภาคธุรกิจ โดย พบว่า
ภาคบริการเพิ่มขึ้นมากที่สุดคือเพิ่มขึ้นจาก 7.1% เป็น 7.8% ภาคอุตสาหกรรมเพิ่มขึ้นจาก 8.4% เป็น 9% ภาคพาณิชย์เพิ่มขึ้นจาก 5.7% เป็น 6.4%ขณะที่ธุรกิจบัตรเครดิตเพิ่มขึ้นจาก 2.9% เป็น 3.1% และภาครถยนต์เพิ่มขึ้นจาก 2.1% เป็น 2.3% ขณะที่สินเชื่ออุปโภคและบริโภคอยู่ในระดับที่เพิ่มขึ้นเช่นกัน แต่ยังอยู่ในระดับที่ไม่เป็นห่วง ถ้าพิจารณาโดยเฉพาะหนี้เอ็นพีแอลของธนาคารพาณิชย์ไทยทั้งระบบ พบว่าเอ็นพีแอลเพิ่มขึ้นจาก 5.6% เป็น 5.9%
อย่างไรก็ตามที่ผ่านมาแบงก์มีการกันสำรองหนี้เสียไว้ค่อนข้างมาก จึงมองว่าไม่น่ากังวล และเชื่อว่าแบงก์สามารถดูแลตัวเองได้
โดยสิ่งที่ต้องจับตาอย่างใกล้ชิด คือหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ในภาคอสังหาริมทรัพย์ เนื่องจากเป็นการเพิ่มขึ้นมากเป็นครั้งแรก สาเหตุบางส่วนมาจากชาวต่างชาติที่เคยเข้ามาซื้อที่อยู่ เช่น คอนโดมีเนียม เริ่มขายที่อยู่ทิ้งไป เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจ สำหรับแนวโน้มหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ในอนาคตนั้น ยอมรับว่ามีความแน่นอนจากปัจจัยเสี่ยงจากภาวะเศรษฐกิจสูง แต่ขณะนี้หลาย ๆ ฝ่ายมองว่า ในปีหน้าเศรษฐกิจมีทิศทางที่ดีขึ้น จากการดูแลและกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศใหญ่ ๆ ซึ่งจะส่งผลให้ภาคการส่งออกของไทยดีขึ้น ดังนั้นช่วงนี้จะเป็นช่วงที่ทุกคนจะต้องพยุงตัวกันไป
เอ็นพีแอลไตรมาสแแรกพุ่ง จับตาหนี้อสังหาฯ
เครดิต : ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดยหนังสือพิมพ์ไทยรัฐ
ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!