นายบัน คี-มูน เลขาธิการสหประชาชาติ เรียกร้องให้คณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติประกาศมาตรการคว่ำบาตรรัฐบาลและกลุ่มติดอาวุธที่ยังคงเกณฑ์และใช้ทหารเด็ก
ในรายงานที่เสนอต่อคณะมนตรีความมั่นคงยูเอ็น
ซึ่งครอบคลุมระยะเวลาตั้งแต่เดือน ก.ย. 2550- เดือน ธ.ค.2551 เปิดเผยความรุนแรงต่อเยาวชนใน 20 ประเทศ และกลุ่มต่าง ๆ 56 กลุ่ม ทั้งรัฐบาล และกลุ่มกบฏที่ใช้ทหารเด็กในความขัดแย้ง ได้แก่ อัฟกานิสถาน บุรุนดี สาธารณรัฐแอฟริกากลาง ชาด โคลอมเบีย คองโก จอร์เจีย อิรัก ไอวอรีโคสต์ เลบานอน พม่า เนปาล ดินแดนปาเลสไตน์ อิสราเอล ฟิลิปปินส์ โซมาเลีย ศรีลังกา ซูดาน ไทย และยูกันดา
นายบัน เรียกร้องให้คณะมนตรีความมั่นคงยูเอ็นยืนกรานให้กลุ่มต่าง ๆ ที่มีรายชื่อในบัญชี เตรียมการและใช้แผนการที่มีตารางเวลาเพื่อหยุดเกณฑ์และใช้ทหารเด็ก ตลอดจนดำเนินมาตรการต่อกลุ่มที่ไม่ยอมทำตาม นอกจากนี้ เลขาธิการยูเอ็นยังเรียกร้องให้รัฐบาลประเทศต่าง ๆ นำตัวกลุ่มผู้รับผิดชอบในการเกณฑ์และใช้ทหารเด็กไปรับการพิจารณคดี พร้อมแนะให้คณะมนตรีความมั่นคงกำหนดให้กรณีเช่นนี้เป็นการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ การก่ออาชญากรรมสงคราม หรือก่ออาชญากรรมต่อมวลมนุษยชาติที่เกี่ยวข้องกับเยาวชนเพื่อให้ศาลอาญาระหว่างประเทศสอบสวน และดำเนินคดีต่อไป
ทั้งนี้ รายงานระบุว่า เยาวชนในอัฟกานิสถานถูกกลุ่มติดอาวุธเกณฑ์ไปเป็นนักรบให้กลุ่มต่าง ๆ รวมทั้งกลุ่มที่เกี่ยวข้องกับกลุ่มตอลีบาน และในแคว้นดาฟัวร์ ของซูดาน มีรายงานว่า กลุ่มติดอาวุธหลายกลุ่มเกณฑ์เด็กไปเป็นนักรบ 487 คน ส่วนในบุรุนดีมีการยืนยันว่า เมื่อปีก่อนกลุ่มกบฏกองกำลังปลดปล่อยแห่งชาติได้เกณฑ์ทหารเด็ก 152 คน อายุระหว่าง 9-17 ปี
ขณะที่คองโก มีข้อมูลว่า เด็ก 554 คน เพิ่งถูกเกณฑ์ไปเป็นนักรบของกลุ่มกบฏ ในจำนวนนั้นมีเด็กหญิงรวมอยู่ด้วย 26 คน นอกจากนี้มีรายงานว่า มีเด็กทั้งสิ้น 1,098 คน ซึ่งรวมทั้งเด็กหญิง 48 คนถูกแยก หรือหลบหนีออกจากกลุ่มติดอาวุธ