หั่น 2 แสนงบ 53 เหลือ 1.7 ล้านล.



รองนายกฯ กอร์ปศักดิ์หั่น โครงการชุมชนพอเพียง สังเวย ครม.อนุมัติตัดงบประมาณรายจ่าย 53 ลง 2 แสนล้าน งบลงทุนหดมากสุด 1.22 แสนล้าน


นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุม ครม.เห็นชอบให้ปรับลดกรอบวงเงินงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2553 ใหม่ จากเดิมที่กำหนดไว้ 1,900,000 ล้านบาท ลงมาเหลือ 1,700,000 ล้านบาท หรือลดลงจากเดิม 200,000 ล้านบาท เพื่อให้การขาดดุลงบประมาณอยู่ที่ 350,000 ล้านบาท ภายใต้กรอบกฎหมายและกรอบการรักษาวินัยการคลัง ซึ่งได้แจ้งให้ทุกกระทรวงรับทราบและในอีก 2 สัปดาห์ก็จะพิจารณารายละเอียดของงบประมาณที่ลดลงก่อนเสนอเข้าสู่ที่ประชุมรัฐสภา ขณะเดียวกัน คาดว่าต้องปรับลดคาดการณ์ภาวะเศรษฐกิจของประเทศโดยรวมของปีนี้ ลงมาอยู่ที่ -2% หรือไม่อย่างนั้นก็ไหลลงไปที่ -4% หรือ-5% เป็นการติดลบเพิ่มขึ้นจากเดิมที่คาดว่าจะขยายตัวที่ 0% หรือติดลบ 1% แต่ยืนยันว่า มาตรการกระตุ้นรอบแรกไม่ได้สูญเปล่า หากไม่ดำเนินการอาจจะหนักกว่านี้?

ด้านนายกอร์ปศักดิ์ สภาวสุ รองนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า

การปรับลดงบประมาณรายจ่ายปี 2553 ลงมาจากรายได้ที่จะน้อยลงจากเดิมที่คาดว่าจะมีรายได้ 1,585,000 ล้านบาท ลงมาเหลือ 1,350,000 ล้านบาท หรือน้อยลง 235,000 ล้านบาท และหากนำไปเปรียบเทียบกับงบประ-มาณรายจ่ายปี 2552 ที่มีการจัดทำ 2 ครั้ง โดยครั้งแรกวงเงิน 1,835,000 ล้านบาทและเพิ่มงบกลางปีให้อีก 116,700 ล้านบาท รวมเป็นวงเงิน 1,951,700 ล้านบาท เท่ากับว่าการจัดงบประมาณปี 2553 ครั้งใหม่นี้จะลดลงจากปีก่อนหน้า 251,700 ล้านบาท หรือลดลง 12.9% ขาดดุล 350,000 ล้านบาท

ส่วนงบประมาณที่ปรับลดลงจากวงเงินที่ตั้งไว้เดิม 200,000 ล้านบาท ในวันที่ 6 พ.ค. จะนำเข้า ครม.อีกครั้ง คงมีความชัดเจนว่าตัดโครงการใดออกไปบ้าง

แต่ที่มองไว้ เช่น โครงการชุมชนพอเพียงหรือเอสเอ็มแอลเดิม ซึ่งเป็นโครงการระยะยาวและมีโอกาสสูงที่จะทำไม่เสร็จ จึงจะใช้เวลาปีหน้าที่จะทำการประเมินโครงการว่าได้ผลดีหรือไม่ หากเป็นการสร้างชุมชนพอเพียงจริงก็จะทำต่อในปีงบ 2554 โดยในส่วนนี้จะลดงบไปได้ 30,000 ล้านบาท รวมทั้งการไม่ตั้งงบชดเชยเงินคงคลังอีก 50,000 ล้านบาท เพียงแค่สองส่วนนี้ก็เกือบ 100,000 ล้านบาทเข้าไปแล้ว

รวมทั้งการยกเลิกการฝึกอบรมในต่างประเทศ การว่าจ้างที่ปรึกษาการโฆษณาและประชาสัมพันธ์ในส่วนที่ไม่ควรทำ โดยจะพยายามตัดโครงการที่ไม่กระทบกับการบริการประชาชน



นอกจากนี้ จะปรับลดการจัดสรรเงินให้กับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) ให้สอดคล้องกับรายได้ โดยจะจัดสรรให้ 148,000 ล้านบาท

เมื่อรวมกับประมาณการรายได้ของ อปท.เอง และที่รัฐบาลเก็บให้และแบ่งให้อีก 201,100 ล้านบาท รวมเป็นรายได้ อปท.ทั้งสิ้น 349,100 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วนรายได้ของ อปท.ต่อรายได้สุทธิของรัฐบาล 25.86% เทียบกับสัดส่วน 25.82% ในปีงบ 2552

สำหรับมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจระยะที่ 2 วงเงินลงทุน 1.56 ล้านล้านบาท ระหว่างปีงบประมาณ 2553-2555 ว่า แม้งบประมาณจะหายไป แต่โครงการไม่หายเพราะคลังจะไปจัดหาเงินจากแหล่งอื่นมาให้ แต่อาจจะใช้เงินไม่ถึง 1.56 ล้านล้านบาท เพราะบางโครงการยังไม่มีความพร้อม

ขณะที่นายกรณ์ จาติกวณิช รมว.คลัง เปิดเผยว่า การปรับลดงบประมาณปี 2553 ลงเป็นตัวอย่างที่ดีที่สุดว่า

รัฐบาลบริหารภายใต้ เงื่อนไขของความเป็นจริง จากการเก็บภาษีได้ลดลงจึงต้องปรับลดภาระค่าใช้จ่ายลดลงด้วย และเป็นการบริหารตามหลักธรรมาภิบาลที่จะไม่ให้ กระทบกับโอกาสและการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ และยืนยันว่าจะไม่มีผลกระทบต่อโครงการลงทุนของรัฐและนโยบายสำคัญ เช่น โครงการเรียนฟรี เบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ โดยจะพยายามหาเงินนอกเหนือจากงบประมาณมาสนับสนุน ซึ่งนายกรัฐมนตรีมอบหมายให้กระทรวงคลังเสนอ? ครม. ถึงแหล่งเงินใน 2 สัปดาห์หน้า ทั้งนี้ เมื่อผลิตภัณฑ์ มวลรวมในประเทศ (จีดีพี) ลดลงทุกๆ 1% จะมีผลให้คนตกงานเพิ่ม 250,000-300,000 คน โดยเหตุการณ์วุ่นวายช่วงวันสงกรานต์มีผลให้จีดีพีลดลง 2% จะมีคนไทยตกงานเพิ่มขึ้นอีก 500,000-600,000 คน

วันเดียวกัน นายศุภชัย ใจสมุทร รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ครม.เห็นชอบอัตราเหมาจ่ายรายหัวสำหรับงานหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า ประจำปีงบประมาณ 2553 วงเงิน 89,322.26 ล้านบาท โดยมีอัตราเหมาจ่ายรายหัว 2,406.32 บาทต่อคน

เครดิต :
ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดยหนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์