เมื่อ 21 เม.ย. เอเอฟพีและเอพีรายงานความคืบหน้าเหตุการณ์วุ่นวายในที่ประชุมต่อต้านการเหยียดเชื้อชาติของสหประชาชาติ ที่นครเจนีวา ประเทศสวิตเซอร์แลนด์
เมื่อประธานาธิบดีมาห์มู้ด อาห์มาดิเนจัด ผู้นำอิหร่าน กล่าวสุนทรพจน์โจมตีอิสราเอลอีกคำรบ ว่า เป็นชาติที่โหดร้ายและเหยียดหยามชาติอื่น ถ้อยคำดังกล่าวทำให้ผู้แทนชาติตะวันตก รวมถึงสหภาพยุโรป 23 คน เดินออกจากห้องประชุมเพื่อประท้วงอย่างไม่พอใจ บางคนตะโกนต่อต้านผู้นำอิหร่าน
จนเป็นประเด็นถกเถียงกันอย่างกว้างขวางในเวทีโลก ขณะที่สหประชาชาติพยายามหาทางเกลี้ยกล่อมให้การประชุมนี้เดินหน้าต่อไปได้ มารี ฮอยเซอ โฆษกสหประชาชาติ กล่าวว่า นายอาห์มาดิเนจัดยอมถอนประโยคที่มีปัญหาออกไปแล้ว ทั้งฉบับที่แปลเป็นภาษาอังกฤษและฝรั่งเศสต่างลบออกไปแล้ว
ส่วนนายรูเพิร์ต โคลวิลล์ โฆษกอีกคนของยูเอ็น กล่าวว่า
"ฉากที่เกิดขึ้นวานนี้ ทุกคนลืมไปว่า การจัดประชุมนี้มีขึ้นเพื่ออะไร ผมคิดว่าตอนนี้เรากลับเข้าลู่แล้ว"
นายซิลวาน ชาลอม รองนายกรัฐมนตรีอิสราเอล กล่าวว่า
สิ่งที่รัฐบาลอิหร่านทำตอนนี้ ไม่แตกต่างไปจากสิ่งที่ฮิตเลอร์ เผด็จการนาซีเยอรมัน เคยทำกับชาวยิวเมื่อ 65 ปีก่อนเท่าใดนัก
ด้านสื่อมวลชนของอิหร่านพากันชื่นชมสุนทรพจน์ของอาห์มาดิเนจัด ที่กล่าวโจมตีรัฐบาลอิสราเอลเป็นพวกเหยียดเชื้อชาติในการรุกรานปาเลสไตน์เมื่อปี 2491 ว่าเป็นการเรียกร้องความยุติธรรมในใจกลางยุโรป โดยป่าวประกาศให้โลกรู้ถึงท่าทีของชาติอิสลามที่ต่อต้านรัฐบาลยิว
ขณะที่โฆษกกระทรวงต่างประเทศอิหร่านโจมตีนายบัน คีมุน เลขาธิการสหประชาชาติ ว่า ไม่เป็นกลาง กรณีที่ตำหนิผู้นำอิหร่านว่าทำให้เกิดความแตกแยก ส่วนรัฐบาลจีน นางเจียง หยู โฆษกกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวโดยไม่เอ่ยชื่อประเทศที่ไม่ ยอมกลับเข้าไปร่วมประชุมในเวทีนี้ ว่า น่าผิดหวัง แทนที่จะร่วมกันหาฉันทามติต่อต้านการเหยียดเชื้อชาติ ด้านฝรั่งเศสเตือนสหรัฐว่า ไม่ควรบอยคอตเวทีนี้ เพราะจะยิ่งทำให้สถานการณ์แย่ลง