นายธนิต โสรัตน์ รองประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยว่า ไตรมาส 2 ปีนี้ ประเทศไทยจะเข้าสู่วิกฤติแรงงานอย่างรุนแรง ตามที่ ภาคเอกชนคาดการณ์ไว้ตั้งแต่ต้นปี
โดยคาดว่า ยอดผู้ว่างงานที่จะทยอยเกิดขึ้น ในไตรมาส 2 จะมีประมาณ 680,000 คน แบ่งเป็นยอดสะสมผู้ประกันตนกับสำนักงานประกันสังคม 230,000 คน ผู้จบการศึกษาใหม่ 200,000 คน และในอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว 250,000 คน เมื่อรวมกับผู้ว่างงานอยู่แล้วตัวเลขจะอยู่ที่ 1.2 ล้านคน
เนื่องจากได้รับผลกระทบจากเศรษฐกิจโลกชะลอตัวและความวุ่นวายทางการเมือง
ดังนั้น ส.อ.ท.จึงต้องการให้รัฐบาลช่วยเหลือภาคอุตสาหกรรมไม่ให้ ปลดแรงงานเพิ่ม เช่น จัดตั้งกองทุนช่วยเหลือสภาพคล่องโรงงานวงเงิน 70,000-100,000 ล้านบาท เพื่อปล่อยสินเชื่อแก่ภาคอุตสาหกรรมในอัตราดอกเบี้ยต่ำ
ทั้งนี้ การล้มประชุมผู้นำอาเซียน +3 และ +6 ได้แก่ จีน เกาหลีใต้ ญี่ปุ่น ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ และ อินเดีย รวมถึงการก่อจลาจลในกรุงเทพฯ ส่งผลเสียร้ายแรงต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุนต่างชาติและกระทบต่อเศรษฐกิจที่สำคัญ
นโยบายที่เน้นการโรดโชว์ ในต่างประเทศคงไม่ได้ผลช่วงนี้ หากยังทำอยู่คงเสียงบประมาณแบบไร้ประโยชน์ เพราะที่ผ่านมารัฐบาลเริ่มฟื้นความเชื่อมั่นกรณีการปิดสนามบินได้ แต่กลับเกิดการประท้วงของกลุ่มเสื้อแดงอีก คงต้องใช้เวลานานกว่าความมั่นใจนักลงทุนจะกลับมา เบื้องต้นต้องแก้ปัญหาความไม่สงบภายในและประชาสัมพันธ์ ประเทศก่อน
ผวา ! ตกงานพุ่ง 2 ล้านคน แนะรัฐบาลตั้งกองทุนแสนล้านช่วยโรงงาน
"นโยบายเร่งการลงทุนในประเทศต้องพูดกันในปี 53 เพราะนักลงทุนต้องแน่ใจสถานการณ์การเมืองไทยก่อนแล้วจึงตัดสินใจลงทุน เพราะต้องเข้าใจว่า ปีที่ผ่านมาม็อบปิดสนามบิน พอปีนี้ล้มประชุมผู้นำอาเซียน รวมถึงก่อจลาจลในกรุงเทพฯ และไม่มีใครรู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นอีกกับประเทศไทย ซึ่งผลกระทบทั้งหมดทำให้นักลงทุนชะลอการลงทุน และจะทำให้เกิดการว่างงานอย่างหนัก เดิม ส.อ.ท.เคยประเมินว่าปีนี้จะมีคนตกงาน 1.2 ล้านคน แต่หากประเมินในขณะนี้ ยอดตกงานจะสูงกว่าที่ประเมินไว้แน่นอน รัฐบาลควรเร่งช่วยเหลือผู้ประกอบการ เพื่อไม่ให้ธุรกิจล้มหรือปลดคนงานเพิ่มอีก"
ด้านนายณรงค์ เพ็ชรประเสริฐ ประธานคณะทำงานการกระจายรายได้ สภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สป.) กล่าวว่า
ปีนี้คาดว่าแรงงานไทย จะว่างงานถึง 2 ล้านคน แบ่งเป็นแรงงานที่ว่างงานสะสมตั้งแต่ต้นปี 1 ล้านคน ที่เหลือเป็นกลุ่มเด็กจบใหม่ พ่อค้าแม่ค้าแผงลอย ร้านโชห่วย และธุรกิจขนาดกลางและเล็ก (เอสเอ็มอี) ที่ต้องปิดกิจการ รวมทั้งกลุ่มเกษตรกร เนื่องจากประสบกับมาตรการลดแลกแจกแถมของห้างสรรพสินค้า ทำให้ผู้บริโภคแห่ไปซื้อสินค้าราคาถูก เพื่อประหยัดรายจ่าย