นายสรสิทธิ์ สุนทรเกศ ผู้ช่วยผู้ว่าการสายกำกับสถาบันการเงิน (ธปท.) เปิดเผยว่า จากความวุ่นวายทางการเมืองที่อาจส่งผลให้อัตราการขยายตัว (จีดีพี) ไทยปีนี้หดตัวลงกว่าที่ประเมินไว้
ดังนั้น ธปท.ได้ทำสมมติฐาน หากจีดีพีหดตัวลงในระดับต่าง ๆ ตามที่หลายฝ่ายคาดกันแล้ว จะกระทบต่อฐานะสถาบันการเงินหรือไม่ หรือมากน้อยเพียงใด ซึ่งผลจากการทำสมมติฐานหลาย ๆ ด้านพบว่า แม้จีดีพีจะหดตัวลงในระดับที่หลายฝ่ายคาด ก็ไม่กระทบฐานะสถาบันการเงินจนทำให้เกิดความไม่มั่นคงได้
"การทำสมมติฐานจากการหดตัวของจีดีพีในหลายตัวอย่างพบว่า ไม่กระทบต่อฐานะของแบงก์จนเกิดความเสียหาย เนื่องจากแบงก์ไทยมีฐานะแข็งแกร่งมาก มีเงินกองทุนต่อสินทรัพย์เสี่ยง (บีไอเอส) สูงกว่าเกณฑ์ที่กำหนดที่ถือว่ามั่นคงมาก"
นายสรสิทธิ์กล่าวด้วยว่า ธปท.และสถาบันการเงินได้ประเมินความเสียหายจากความไม่สงบทางการเมืองด้วย โดยพบว่า สถาบันการเงินที่อยู่ใกล้การประท้วงของผู้ชุมนุมพบว่า ได้รับความเสียหายบ้าง แต่คิดเป็นมูลค่าถือว่าไม่มาก เพราะเป็นความเสียหายจากการทำลายทรัพย์สินหรือตู้เอทีเอ็มภายนอกเท่านั้น อย่างไรก็ตาม สถาบันการเงินมีแผนรับมือการก่อเหตุจลาจล ไฟไหม้ หรือไฟฟ้าดับ หรืออื่นๆอยู่แล้ว
โดยธนาคารให้ความสำคัญเรื่อง 1.การรักษาฐานข้อมูล โดยจะมีศูนย์สำรองข้อมูลหากข้อมูลถูกทำลาย 2.มีเจ้าหน้าที่ที่มีประสบการณ์คอยดูแลหรือรักษาความปลอดภัยอย่างเข้มงวด 3.ดูแลเจ้าหน้าที่ที่ประจำสำนักงานให้ได้รับความปลอดภัยจากการจลาจลหรือเหตุร้ายอื่น เพื่อให้การทำธุรกรรมสถาบันการเงินเดินหน้าได้