จาการ์ตา-เลือกตั้งอิเหนาเปิดฉากแล้วด้วยความรุนแรงในปาปัวที่มีผู้สังเวยชีวิตไป 5 ศพ คาดพรรคยุดโดโยโนชนะตามคาด
การเลือกตั้งทั่วไปในอินโดนีเซียได้เปิดฉากขึ้นท่ามกลางความรุนแรงเมื่อวันพฤหัสบดี (9 เม.ย.) มีผู้สังเวยชีวิตไป 5 คนในเหตุรุนแรงที่เกิดขึ้นทั่วจังหวัดปาปัว ทางภาคตะวันออกช่วงคืนวันพุธ และเช้าวันเสาร์ ซึ่งตำรวจมองว่าเป็นความจงใจป่วนการเลือกตั้งในจังหวัดนี้ซึ่งกระแสเรียกร้องเอกราชทวีความรุนแรงขึ้นทุกขณะ เริ่มจากเหตุชายฉกรรจ์ราว 100 คนพร้อมด้วยธนู และลูกระเบิดได้บุกเข้าโจมตีสถานีตำรวจในเมืองอาเบพูรา ทำให้ตำรวจต้องยิงตอบโต้กลับไปมีผู้เสียชีวิตไปหนึ่งคน
นอกจากนี้ยังเกิดเหตุไล่แทงผู้ที่ไม่ได้มีเชื้อสายชนเผ่าขึ้นในเมืองวาเมนา จังหวัดปาปวน ทำให้มีผู้เสียชีวิต 3 คนเป็นคนขับรถมอเตอร์ไซค์รับจ้าง บาดเจ็บสาหัส 2 คน ทั้งยังมีการจุดไฟเผาอาคารแห่งหนึ่งในมหาวิทยาลัยอเบพูรา ทำให้เด็กหญิงวัย 4 ขวบเสียชีวิต และเหตุตำรวจยิงปะทะกับกลุ่มมือปืนไม่ทราบฝ่ายนาน 15 นาทีใกล้พรมแดนด้านที่ติดกับปาปัว นิวกินี แต่โชคดีไม่มีใครได้รับบาดเจ็บ
สำหรับบรรยากาศการเลือกในพื้นที่ส่วนอื่นเป็นไปอย่างสงบเรียบร้อย คูหาเลือกตั้งเปิดเมื่อเวลา 07.00 น. ตามเวลาท้องถิ่น ซึ่งตรงกับเวลา 05.00 น.ตามเวลาในไทย มีคนมากกว่า 171 ล้านคนไปลงทะเบียนใช้สิทธิ์เลือกตั้งสมาชิกสภา 560 คน จากจำนวนผู้สมัครมากถึง 1.1 หมื่นคนที่ลงสมัครในนามพรรคการเมือง 38 แห่ง นอกจากนี้ ยังมีคูหาเลือกตั้งมากถึง 5.2 แสนแห่ง กระจัดกระจายกันอยู่ตามเกาะต่างๆ ถึง 6,000 แห่ง
การเลือกตั้งครั้งนี้เป็นการเลือกตั้งตามระบอบประชาธิปไตยครั้งที่ 3 เท่านั้นของอินโดนีเซีย เพราะประเทศนี้ต้องตกอยู่ภายใต้การปกครองของรัฐบาลเผด็จการซูฮาร์โตที่ครองอำนาจยาวนานถึงกว่า 30 ปี ก่อนจะถูกพลังประชาชนโค่นอำนาจลงเมื่อปี 2541 การเลือกตั้งครั้งนี้ยังเป็นตัวตัดสินว่าใครจะได้ลงสมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีในการเลือกตั้งที่จะมีขึ้นในเดือนกรกฎาคมอีกด้วย เพราะกฎหมายใหม่กำหนดว่าพรรคการเมืองหรือแนวร่วมทางการเมืองที่ได้ครองที่นั่ง 1 ใน 5 ของสภา หรือได้คะแนนป๊อปปูลาร์โหวตร้อยละ 25 ถึงจะมีสิทธิ์ส่งผู้สมัครชิงประธานาธิบดีได้
ด้านผลการนับคะแนนเบื้องต้นพบว่า พรรคประชาธิปไตยของประธานาธิบดีสุสิโล บัมบัง ยุดโดโยโน มีแววว่าจะชนะการเลือกตั้ง ซึ่งเป็นไปตามคำกล่าวของนักวิเคราะห์ที่มองตรงกันว่าประธานาธิบดีซูซิโล บัมบัง ยุดโดโยโนน่าจะได้ลงสมัครรับเลือกตั้งเป็นสมัยที่ 2 เพราะผลสำรวจความคิดเห็นที่ทำกันมาหลายครั้งชี้ว่าพรรคประชาธิปัตย์ของเขามีคะแนนนำพรรคอื่นๆ อยู่ที่ร้อยละ 26.6 ขณะที่พรรคพีดีไอ-พีของนางเมกะวตี ซูการ์โนบุตรี อดีตประธานาธิบดีหญิง ได้เพียงร้อยละ 14.5 และพรรคโกลคาร์ของอดีตประธานาธิบดีซูฮาร์โตได้ไปร้อยละ 13.7