ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อช่วงบ่ายวันนี้ (5 เม.ย.) ที่จวนผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราช นายภาณุ อุทัยรัตน์ ผวจ.นครศรีธรรมราช
ได้เชิญนายสวัสดิ์ กฤตรัชตนันท์ และนายวิชม ทองสงค์ สองอดีต ผวจ.นครศรีธรรมราช ที่เพิ่งเกษียณอายุราชการไปเมื่อเดือน ต.ค.ที่ผ่านมา เข้าร่วมประชุมกับ "คณะทำงานศึกษาผลักดันพระบรมธาตุเจดีย์นครศรีธรรมราชสู่มรดกโลก" ที่มีนายฉัตรชัย ศุกระกาญจน์ อธิการบดีมหาวิทยาลัยราชภัฏนครศรีธรรมราช เป็นประธาน พระเทพวินยาภรณ์ เจ้าคณะจังหวัดและเจ้าอาวาสวัดพระมหาธาตุวรมหาวิหาร เป็นประธานที่ปรึกษาฝ่ายบรรพชิต
นายภาณุ กล่าวว่า ในฐานะผู้ว่าฯเ มืองนครคนปัจจุบันร่วมกับอดีต 2 ผู้ว่าฯ และพี่น้องชาวนครศรีธรรมราช
ได้ร่วมกันสืบสานเพื่อศึกษาผลักดันนำเสนอ วัดพระมหาธาตุวรมหาวิหารและพระบรมธาตุเจดีย์นครศรีธรรมราช ขึ้นทำเนียบ “มรดกโลก” ซึ่งในปีนี้จะมีการประชุมเพื่อพิจารณาของคณะกรรมการมรดกโลก ที่เมืองเซบีญา ประเทศสเปน และจากการประสานงานกับผู้เกี่ยวข้องที่ได้รับข้อมูลจากทางจังหวัดและคณะ ทำงาน ได้แจ้งให้ทราบว่าในปีนี้ ประเทศไทยจะเสนอวัดพระมหาธาตุวรมหาวิหารและพระบรมธาตุเจดีย์ เพียงแห่งเดียวเข้าสู่การพิจารณาของคณะกรรมการระดับโลก
ผวจ.นครศรีธรรมราช กล่าวต่อว่า ในวันที่ 23 เม.ย.นี้ ทางจังหวัดได้เชิญผู้แทนยูเนสโกประจำประเทศไทย
นายเขมชาติ เทพชัย รองอธิบดีกรมศิลปากร และผู้ที่มีความรู้มีประสบการณ์ในเรื่องนี้ อาทิ นายปองพล อดิเรกสาร นายพิศิษฐ์ เจริญวงศ์ รวมทั้งตัวแทนองค์กรต่างๆมาร่วมประชุมระดมความคิดเห็นและร่วมร่างแนวทาง การนำเสนออย่างเป็นทางการ ต่อคณะกรรมการพิจารณามรดกโลกต่อไป
เป็นเอกลักษณ์ที่โดดเด่น เป็นจุดศูนย์กลางของพระพุทธศาสนา ที่สามารถเป็นจุดดึงดูดให้มีการนำธรรมะมาใช้ในการปกครอง โดยไม่ต้องใช้อำนาจทางอาวุธหรือการสู้รบ หรือแสนยานุภาพทางทหาร แต่ด้วยบุญบารมีแห่งสัญญลักษณ์การวิวัฒนาการทางศาสนา ทำให้นครศรีธรรมราชในครั้งอดีตเป็นศูนย์กลางการปกครองในทุกด้าน มีหัวเมืองหรือเมืองขึ้นมากถึง 12 เมือง ที่ต่างยินยอมเข้าเป็นเมืองขึ้นด้วยความสมัครใจ โดยไม่ต้องเสียเลือดเสียเนื้อเลย เพราะต้องการได้ชื่อว่าเป็นเมืองใต้พระบารมีของพระบรมธาตุเจดีย์ ทำให้เมืองนครเป็นเมือง “ 12 นักษัตร” ที่ยิ่งใหญ่เกรียงไกรในแผ่นดินศรีวิชัย ได้รับการยอมรับในทุกพื้นที่คาบมหาสมุทรไปจนสุดชมพูทวีป