กรุงเทพฯ 3 เม.ย.-กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) คาดการณ์เศรษฐกิจไทยในปีนี้ จะหดตัวลงประมาณ 2-4% เพราะผลกระทบจากการถดถอยของเศรษฐกิจโลก แนะรัฐบาลดำเนินนโยบายการเงินและการคลังอย่างรวดเร็วและครบถ้วน เพื่อยับยั้งการหดตัวของการลงทุนและการบริโภคภายในประเทศ
นายนิสซันเก วีระสิงห์ ที่ปรึกษาฝ่ายเอเชีย-แปซิฟิกของกองทุนการเงินระหว่างประเทศ คาดการณ์เศรษฐกิจไทยในปีนี้ว่า ผลผลิตมวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) จะติดลบระหว่าง 2-4 %
และจะค่อย ๆ ฟื้นตัวขึ้นในระยะปานกลาง เพราะแรงกระตุ้นจากการลงทุนของภาครัฐ ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่จะทำให้จีดีพีของไทยกลับมาเติบโตใน 1-2 ปีข้างหน้า ที่ปรึกษาของไอเอ็มเอฟ กล่าวว่า ที่ผ่านมา ไทยดำเนินนโยบายการเงินได้อย่างเหมาะสม การที่ธนาคารแห่งประเทศไทยลดดอกเบี้ยลงมา 2.25% นับตั้งแต่เดือนธันวาคมปีที่แล้ว จะเป็นแรงกระตุ้นให้เกิดความต้องการบริโภคภายในประเทศที่ตกอยู่ในสภาพอ่อนแอ ส่วนอัตราเงินเฟ้อได้ลดลงมามากแล้วตามราคาอาหารและพลังงาน คาดว่าไทยจะมีอัตราเงินเฟ้อในปีนี้ต่ำกว่า 1%
เจ้าหน้าที่ของไอเอ็มเอฟ กล่าวด้วยว่า การดำเนินมาตรการการคลังอย่างขนานใหญ่ในระยะสั้นและปานกลางเป็นสิ่งที่จำเป็นต่อการกระตุ้นเศรษฐกิจ
ซึ่งแม้จะทำไทยให้ขาดดุลงบประมาณ 4.5% ของจีดีพี แต่ก็จะทำให้เกิดความต้องการบริโภคภายในประเทศ อย่างไรก็ตาม ปัญหาที่ท้าทาย คือ การดำเนินมาตรการดังกล่าวจะต้องเป็นไปอย่างรวดเร็วและครบถ้วน ส่วนภาคการธนาคารของไทยนั้น ไอเอ็มเอฟมองว่า มีความเข้มแข็งทางด้านเงินทุน ส่วนภาวะหนี้เสียก็ลดลงอย่างต่อเนื่อง จากที่เคยอยู่ในระดับสูงเมื่อครั้งที่เกิดวิกฤติเศรษฐกิจในเอเชีย อย่างไรก็ตาม จากวิกฤติการเงินในปัจจุบัน อาจทำให้จำนวนหนี้เสียในภาคธนาคารเพิ่มขึ้น ส่งผลกระทบไปถึงภาคธุรกิจ โดยเฉพาะขนาดกลางและเล็กอาจประสบปัญหาสินเชื่อตึงตัว ซึ่งไอเอ็มเอฟแนะนำให้ไทยมีโครงการที่จะรับประกันสินเชื่อให้กับธุรกิจเอสเอ็มอี.- สำนักข่าวไทย