วานนี้ (27 มี.ค.) ที่สนามบินสุวรรณภูมิ
นายเสรีรัตน์ ประสุตานนท์ ผู้อำนวยการสนามบินสุวรรณภูมิ, พล.อ.อ.ณรงค์ศักดิ์ สังขพงศ์ รักษาการกรรมการผู้อำนวยการใหญ่บริษัทการบินไทย จำกัด (มหาชน), พล.อ.อ.สมชาย เธียรอนันท์ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่บริษัทวิทยุการบินแห่งประเทศไทย (บวท.) ได้ร่วมกันแถลงความพร้อมในการรองรับเที่ยวบินการบินไทย ที่จะย้ายจากสนามบินดอนเมืองกลับมาให้บริการที่สนามบินสุวรรณภูมิในวันที่ 29 มี.ค.นี้
โดยนายเสรีรัตน์กล่าวว่า จะทำให้สนามบินสุวรรณภูมิมีเที่ยวบินภายในประเทศเพิ่มขึ้นอีกวันละ 45 เที่ยวบินจากเดิมมีเที่ยวบินเส้นทางบินในประเทศเฉลี่ย 160 เที่ยวบิน
และจะมีผู้โดยสารมาใช้บริการเพิ่มขึ้นอีกวันละ 8,000 คน จากเดิมมีผู้โดยสารในประเทศใช้บริการเพียง 23,464 คน/วัน โดยสนามบินสุวรรณภูมิได้เตรียมรถเข็นให้บริการเพิ่มอีก 2,800 คัน เมื่อรวมกับของเดิมจะมีรถเข็นให้บริการถึง 5,355 คัน ด้าน พล.อ.อ.ณรงค์ศักดิ์ สังขพงศ์ รักษาการกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ การบินไทย กล่าวว่า การบินไทยมีความพร้อมที่จะย้ายเที่ยวบินในประเทศมาให้บริการที่สนามบินสุวรรณภูมิซึ่งจะทำให้สนามบินสุวรรณภูมิมีเที่ยวบินการบินไทยให้บริการถึงวันละ 45 เที่ยวบิน นอกจากนี้การบินไทยยังได้เพิ่มเคาน์เตอร์เช็กอินที่สนามบินสุวรรณภูมิเพิ่มขึ้นจากเดิม 12 เคาน์เตอร์เป็น 36 เคาน์เตอร์
พล.อ.อ.ณรงค์ศักดิ์กล่าวว่า เที่ยวบินสุดท้ายที่จะให้บริการที่สนามบินดอนเมืองวันที่ 28 มี.ค. นี้คือเที่ยวบินทีจี 1047 จากขอนแก่น-ดอนเมือง
โดยออกจากขอนแก่นเวลา 19.45 น. ถึงบินดอนเมือง เวลา 20.40 น. ส่วนเที่ยวบินสุดท้ายที่จะออกจากสนามบินดอนเมืองคือเที่ยวบิน ทีจี 1124 เส้นทางดอนเมือง-เชียงใหม่ ออกจากสนามบินดอนเมืองเวลา 22.15 น. ถึงสนามบินเชียงใหม่เวลา 23.25 น. ส่วนเที่ยวบินที่เดิมต้องลงที่สนามบินดอนเมืองจำนวน 5 เที่ยวบินได้มีการย้ายมาลงที่สนามบินสุวรรณภูมิได้แก่ ทีจี 1015 เส้นทางอุดรธานี-สุวรรณภูมิ, ทีจี 1141 เส้นทางเชียงราย-สุวรรณภูมิ, ทีจี 1165 เส้นทางพิษณุโลก-สุวรรณภูมิ, ทีจี 1236 หาดใหญ่-สุวรรณภูมิ, ทีจี 1274 เส้นทางสุราษฎร์ธานี-สุวรรณภูมิ
โดยเที่ยวบินแรกที่จะออกจากสนามบินสุวรรณภูมิในวันที่ 29 มี.ค. คือทีจี 020 เส้นทางบิน สุวรรณภูมิ-อุบลราชธานี ออกจากสนามบินสุวรรณภูมิเวลา 06.00 น. ถึงอุบลราชธานีเวลา 07.05 น.
พล.อ.อ.สมชาย เธียรอนันท์ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่บริษัทวิทยุการบินแห่งประเทศ ไทย (บวท.) กล่าวว่า เมื่อมีการย้ายเที่ยวบินการบินไทยกลับมาให้บริการที่สนามบินสุวรรณภูมิจะทำให้มีเที่ยวบินเพิ่มขึ้นจากเดิม 700 เที่ยวบิน เป็น 750 เที่ยวบิน/วัน และมีเที่ยวบินคับคั่งสูงสุดเป็น 52 เที่ยวบิน/ชั่วโมง จากเดิม 48 เที่ยวบิน นอกจากนั้นจะช่วยลดจุดตัดของสองสนามบินจากเดิมที่มี 20 จุด เหลือเพียง 3 จุด ซึ่งจะทำให้สายการบินประหยัดเวลาและค่าใช้จ่ายลง โดยเฉพาะอย่างยิ่งกรณีการใช้ เส้นทางบินขาออกจากสุวรรณภูมิไปทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือจะทำให้ลดค่าใช้จ่ายของสายการบินลงได้ 33,200 บาท/เที่ยวบิน และหากเที่ยวบินออกจากสนามบินสุวรรณภูมิไปทางทิศใต้และตะวันออกเฉียงใต้จะลดค่าใช้จ่ายของสนามบินลงได้ 26,560 บาท/เที่ยวบิน
นายโชคชัย ปัญญายงค์ ผู้อำนวยการโครงการสุวรรณภูมิในฐานะกรรมการฟื้นฟูการบินไทย จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า การย้ายเที่ยวบินการบินไทยมาให้บริการที่สนามบินดอนเมืองจะทำให้มีปริมาณผู้โดยสารต่อเครื่องเพิ่มขึ้น 20%
ส่งผลให้มีกำไรเพิ่มขึ้นปีละ 100 ล้านบาท จากปัจจุบันมีรายได้จากการให้บริการผู้โดยสารในประเทศที่สนามบินสุวรรณภูมิปีละ 248 ล้านบาท ขณะที่การให้บริการที่สนามบิน ดอนเมืองการบินไทยขาดทุนปีละ 29.6 ล้านบาท/ปี อย่างไรก็ตาม ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สหภาพ แรงงานรัฐวิสาหกิจการบินไทยและสมาพันธ์ แรงงานรัฐวิสาหกิจแห่งประเทศไทย ได้เข้ายื่นหนังสือคัดค้านต่อนายโสภณ ซารัมย์ รมว. คมนาคม และนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี โดยนางแจ่มศรี สุกโชติรัตน์ ประธานสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจการบินไทย กล่าวว่าได้ยื่นข้อเรียกร้องเพื่อขอให้ระงับการย้ายเที่ยวบินที่จากสนามบินดอนเมืองไปสนามบินสุวรรณภูมิเพื่อให้ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องได้พิจารณาผลดี-เสียให้รอบคอบ.