เมื่อวันที่ 23 มี.ค.นี้ นายธีระ วงศ์สมุทร รัฐมนตรีว่า การกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เผยว่า สภาวะที่เกิดฝนตกในภาคเหนือ และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
ถือเป็นผลดีต่อพื้นที่โดยรวมของประเทศเพราะมีน้ำไหลเข้าเขื่อนขนาดใหญ่ในปริมาณค่อนข้างมาก โดยเพิ่มในเขื่อนภูมิพลประมาณ 3 ล้านลูกบาศก์เมตร ขณะที่เขื่อนสิริกิติ์มีปริมาณน้ำไหลเข้าเขื่อน 5 ล้านลูกบาศก์เมตร ซึ่งจะสามารถบรรเทาการขาดแคลนน้ำ ทั้งในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือและภาคเหนือได้อย่างมาก รวมทั้งส่งผลให้สามารถแก้ไขปัญหาหมอกควันจากการเผาป่าได้ค่อนข้างมากและส่งผลดีให้กับทางภาคการเกษตร
สำหรับอ่างเก็บน้ำภูมิพลในปัจจุบันมีปริมาตร 6,859 ล้านลูกบาศก์เมตร คิดเป็นร้อยละ 51 ของความจุอ่างฯ
น้ำไหลลงอ่าง 3.56 ล้าน ลบ.ม. ระบายออก 32.00 ล้าน ลบ.ม. ในส่วนอ่างเก็บน้ำสิริกิติ์ มีปริมาตร 5,919 ล้าน ลบ.ม.คิดเป็นร้อยละ 62 ของความจุอ่างฯ น้ำไหลลงอ่าง 5.05 ล้าน ลบ.ม.ระบาย 30.90 ล้าน ลบ.ม. และปริมาตรน้ำในอ่างเก็บน้ำป่าสักชลสิทธิ์ 472 ล้าน ลบ.ม. คิดเป็นร้อยละ 49 ของความจุอ่างฯ
นายธีระเผยอีกว่า นอกจากนี้การออกปฏิบัติการฝนหลวง ซึ่งได้ดำเนินการไปแล้วหลายร้อยเที่ยว ทำให้ฝนตกในหลายพื้นที่มากขึ้น
ครอบคลุมทั้งประเทศ 8 ศูนย์ ทั้งนี้เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพในการทำฝนหลวง และแก้ปัญหาภัยแล้ง จึงสั่งการให้สำนักฝนหลวงและกองบินเกษตรเพิ่มฐานปฏิบัติการอีก 2-3 แห่งไว้ เป็นจุดจอดเติมสารฝนหลวงในการขึ้นบินต่อการปฏิบัติการฝนหลวง ซึ่งคาดว่าจะสามารถแก้ปัญหาภัยแล้งโดยรวมทั้งประเทศได้.