วันนี้ (25 มี.ค.) รศ.ดร.อรุณี อินทรไพโรจน์ ผู้อำนวยการสำนักวิทยบริการและเทคโนโลยีสารสนเทศ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคล (มทร.) ธัญบุรี
ในช่วงระหว่างเดือน มี.ค.-พ.ค.ของทุกปีจะมีสถานศึกษาระดับประถมศึกษา และมัธยมศึกษา รวมถึงสถาบันอุดมศึกษาปิดภาคเรียนภาคฤดูร้อน ซึ่งจากข้อมูลที่ได้รับการบอกกล่าวจากผู้ปกครอง ทำให้ทราบข้อมูลว่าขณะนี้มีเด็กนักเรียน และนักศึกษาเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะเด็กระดับประถมศึกษา และมัธยมศึกษาได้ใช้เวลาว่างในช่วงปิดเทอมนี้ไปอยู่ในร้านอินเตอร์เน็ตต่างๆ หรือใช้อินเตอร์เน็ตที่บ้านเพื่อเล่นเกมออนไลน์เกือบจะตลอดทั้งวัน ซึ่งเรื่องนี้ตนถือว่าน่าเป็นห่วงมาก เพราะเยาวชนได้ใช้เวลาไปแบบเปล่าประโยชน์ เสียทั้งยังต้องเงินค่าชั่วโมงอินเตอร์เน็ต ดังนั้นจึงขอฝากเตือนไปยังผู้ปกครองได้ช่วยดูแลบุตรหลานของตัวเองอย่างใกล้ชิดด้วย
“จริงอยู่การเล่นเกมก็มีทั้งคุณและโทษ แต่ถ้าทำให้มีแต่คุณได้โดยที่ไม่มีโทษได้ก็น่าจะเป็นเรื่องที่ดี โดยดิฉันคิดว่าการเล่นเกมที่เหมาะสมควรจะอยู่ที่ระดับ 1-2 ชั่วโมงต่อวันเท่านั้น หากมากเกินกว่านั้นถือว่าเป็นการหมกมุ่น ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ต้องเห็นใจผู้ปกครองบางคนก็ตามเรื่องเทคโนโลยีใหม่ๆเหล่านี้ไม่ทันลูกหลานของตัวเอง ยิ่งในช่วงปิดเทอมพ่อแม่ต้องออกไปทำงาน ทิ้งเงินไว้ให้ลูกอยู่ลำพัง หรืออยู่กับปู่ ย่า ตา ยาย บางครั้งเด็กจึงเอาเวลาไปอยู่กับการเล่นเกม ผู้ปกครองต้องทำความเข้าใจกับบุตรหลาน หากิจกรรมที่เป็นประโยชน์ในช่วงปิดเทอมนี้ให้ลูกหลานได้ทำ เช่น โครงการเข้าค่ายพุทธธรรม ค่ายดนตรี ค่ายกีฬา หรืออื่นๆ” ผอ.สำนักวิทยบริการและเทคโนโลยีสารสนเทศ กล่าว
รศ.ดร.อรุณี กล่าวอีกว่า อย่างไรก็ตามต้องยอมรับว่ากิจกรรมที่สร้างสรรค์ที่จะเปิดโอกาสให้เด็กและเยาวชนได้เข้าร่วมในปีนี้มีค่อนข้างน้อย
ถ้ามีอย่างเพียงพอและทั่วถึงก็จะเป็นประโยชน์กับเด็กๆ ดังนั้นจึงอยากให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องและรัฐบาลเองให้ความสำคัญกับเรื่องสังคมเหล่านี้ อย่ามองเพียงแค่มิติทางเศรษฐกิจ หรือการเมืองเท่านั้น เพราะหากแก้ปัญหาเศรษฐกิจได้ แต่ปัญหาสังคมกลับมีอยู่เต็มไปหมด ประเทศก็คงก้าวเดินไปข้างหน้าไม่ได้ ทั้งนี้สำหรับ มทร.ธัญบุรี ได้เตรียมที่จะเปิดหลักสูตร “การอบรมผู้ปกครองให้รู้เท่าทันเด็ก” เกี่ยวกับเรื่องเทคโนโลยีสารสนเทศ เป็นหลักสูตรระยะสั้น อย่างน้อยผู้ปกครองจะได้รู้ว่าเทคโนโลยีสารสนเทศที่ลูกหลานใช้อยู่คืออะไร จะเป็นคุณ หรือโทษ ทั้งนี้จะได้ดูแลบุตรหลานได้อย่างรู้และเข้าใจอย่างแท้จริงในเรื่องนี้ ขณะเดียวกันก็จะเปิดสอนหลักสูตรแอนนิเมชั่น หรือทำการ์ตูน และหลักสูตรโฟโต้ช็อป ซึ่งกำลังเป็นที่สนใจของกลุ่มวัยรุ่นด้วย โดยผู้ที่สนใจสามารถสอบถามรายละเอียดได้ที่ โทร.0-2549-4004
ด้านนายบุญรัตน์ วงศ์ใหญ่ รองปลัดกระทรวงศึกษาธิการ กล่าวว่า ปัญหาเวลานี้คือผู้ปกครองไม่ได้เอาใจใส่ดูแลบุตรหลานเท่าที่ควรจะเป็น มักอ้างไม่ค่อยมีเวลาดูแล
อย่างไรก็ตามไม่อยากให้เถียงกันไปมาว่าเป็นความผิดของใคร แต่เรื่องนี้ทุกภาคส่วนต้องเข้ามาช่วยกันแก้ปัญหา ทั้งผู้ปกครอง ผู้ประกอบการร้านเกม หรือหน่วยงานที่กำกับดูแลร้านเกม เช่น กระทรวงวัฒนธรรม รวมไปถึงกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) โดยในส่วนของ ศธ.ต้องยอมรับว่ากำลังสารวัตรนักเรียนที่จะเข้าไปติดตามดูแลน้อยมากกว่า ทั้งประเทศมีอยู่เพียงไม่กี่ร้อยคน แต่ก็ยังพอมีเครือข่ายคอยช่วยเหลืออยู่บ้าง แต่ปัญหาสำคัญขณะนี้ก็คือช่วงเวลานี้เป็นช่วงปิดเทอมเด็กไม่ได้หนีเรียนไปเล่นเกม ดังนั้นสารวัตรนักเรียนเองก็คงทำอะไรไม่ได้ สิ่งที่ทำได้เวลานี้ก็คือขอให้ผู้ปกครองดูแลบุตรหลานให้ดี รวมทั้งให้ทาง วธ.ขอความร่วมมือไปยังผู้ประกอบการเท่านั้นไม่ให้เด็กเล่นเกมกันตั้งแต่ร้านเปิดจนร้านปิด แต่ก็เข้าใจว่าคงทำได้อยาก ขณะเดียวกันอาจจะต้องเร่งหากิจกรรมสร้างสรรค์ให้เด็กและเยาวชนได้มีส่วนร่วม หันมาใช้เวลาว่างในทางสร้างสรรค์ดีกว่า เพราะหากปล่อยให้เด็กถลำลึกกับการเล่นเกมสุดท้ายอาจจะเกิดปัญหาอื่นๆตามมาได้ เช่น หาเงินในทางที่ไม่ชอบเพื่อมาเล่นเกม หรือแม้แต่การเสพยาเสพติดเพื่อให้เล่นเกมได้นานๆ เป็นต้น
ขณะที่ ผู้สื่อข่าวได้ออกตระเวนเพื่อตรวจสอบไปยังร้านอินเตอร์เน็ตต่างที่มีอยู่ในพื้นที่กรุงเทพฯ และต่างจังหวัดพบว่ามีเด็กนักเรียน
โดยเฉพาะเด็กในระดับประถมศึกษา และมัธยมศึกษาเข้ามาเล่นเกมออนไลน์ในร้านอินเตอร์เน็ตเป็นจำนวนมาก จากการสอบถามผู้ประกอบการร้านอินเตอร์เน็ตต่างได้รับคำตอบเป็นเสียงเดียวกันว่าตั้งแต่สถานศึกษาเริ่มปิดเทอม ปรากฏว่ามีเด็กนักเรียนเข้ามาใช้บริการในร้านเพิ่มมากขึ้น บางร้านมีเด็กเข้ามาเล่นเกมเต็มทุกเครื่องตั้งแต่เปิดร้านยันปิดร้าน หรือไม่ก็มีการนั่งจองเครื่องเพื่อรอใช้บริการเล่นเกมกัน ผู้ปกครองบางคนมาตามถึงร้านเด็กไม่ยอมกลับบ้านก็ยังมี ซึ่งสาเหตุที่เด็กเข้ามาใช้บริการมากกว่าปกตินอกจากปิดเทอมไม่รู้จะทำอะไรแล้ว สารวัตรนักเรียน หรือทางโรงเรียนก็ไม่สามารถดำเนินการอะไรกับเด็กนักเรียนเหล่านี้ได้