"รถบินได้" ไม่ใช่พาหนะล้ำยุคที่มีอยู่ในเฉพาะภาพยนตร์หรือจินตนา การอีกต่อไป ล่าสุด บริษัทเทอร์ราฟูเกีย สหรัฐอเมริกา นำต้นแบบรถบินได้ "เดอะ ทรานซิชั่น" ที่ซุ่มพัฒนามากว่า 2 ปี ทดสอบบินขึ้น-ลง-และวิ่งบนถนนประสบความสำเร็จไร้ที่ติเป็นครั้งแรกของโลก เตรียมผลิตวางตลาดภายในปีพ.ศ.2554 นี้!
บริษัทเทอร์ราฟูเกีย ตั้งอยู่ที่เมืองวอเบิร์น รัฐแมสซาชูเส็ตต์ ประเทศสหรัฐอเมริกา
"คาร์ล ดีทริช" หนึ่งในผู้ก่อตั้งและผู้คิดค้นยานพาหนะลูกผสม "เดอะ ทรานซิชั่น" เล่าว่า
โครงการนี้เริ่มต้นปี 2549 โดยเป็นงานชิ้นสุดท้ายที่ต้องทำส่งอาจารย์ก่อนเรียนจบจากคณะอากาศยานและการบินอวกาศ สถาบันเทคโนโลยีเอ็มไอที
อย่างไรก็ตาม หลังจากนั้นตนกับเพื่อนๆ ร่วมสถาบันมองเห็น "ความเป็นไปได้" ในการสร้างรถบินได้ขึ้นมาใช้งานจริงๆ ทั้งบนฟ้าและบนถนน
เมื่อนำโครงการนี้ไปส่งประกวดรางวัลผลงานนักศึกษาเอ็มไอที ปรากฏว่าชนะและคว้าเงินรางวัล 1.05 ล้านบาท
ในที่สุดจึงตัดสินใจนำเงินก่อนนี้มาเป็นทุนก้อนแรกเปิดบริษัทเทอร์ราฟูเกีย ซึ่งมีที่มาจากภาษาละตินแปลว่า "จากผืนพสุธา"
โปรเจ็กต์ "รถบินได้" ที่คนส่วนใหญ่อาจ มองว่าเป็นไปไม่ได้ก็ได้ฤกษ์เริ่มต้นขึ้น!
นับตั้งแต่วันที่ดีทริชแถลงข่าวเดินหน้าพัฒนา "รถบินได้" เมื่อ 2 ปีก่อน สื่อสายวิทยาศาสตร์-เทคโนโลยีชั้นนำได้ติดตามข่าวมาเป็นระยะๆ เช่น ซีเน็ต พีซีเวิลด์ ไซน์ทิฟิกอเมริกัน ฯลฯ
ล่าสุด 5 มีนาคมที่ผ่านมา "เดอะ ทรานซิชั่น" ก็ถึงเวลาบินขึ้น-ลง และวิ่งทดสอบจริงๆ เป็นครั้งแรก
โดยมี พ.อ.อ.ฟิล เมเทียร์ อดีตนักบินกองทัพอากาศสหรัฐ ทำหน้าที่นักบินที่ 1 นำเครื่องเทก-ออฟ (ขึ้นบิน) และแลนดิ้ง (ลงจอด) บนรันเวย์หมายเลข 17 ท่าอากาศยานนานาชาติแพล็ตส์เบิร์ก รัฐนิวยอร์ก ท่ามกลางสักขีพยานจำนวนมาก
"ผมมีชั่วโมงบินนับพันๆ ชั่วโมง เคยขับตั้งแต่เครื่องบินเล็กยันเอฟ-16 บอกได้เลยว่า ทรานซิชั่นเป็นเครื่องบินที่ดีมาก ผลการทดสอบบินครั้งแรกเป็นที่น่าพอใจ" เมเทียร์กล่าว
รถบินได้ทดสอบฉลุย กางปีกเหินฟ้า-ขายปี2554
ด้านดีทริชให้สัมภาษณ์ว่า ความสำเร็จครั้งนี้จะมีส่วนช่วยปฏิวัติ-เปลี่ยน แปลงรูปแบบ "ยานพาหนะส่วนบุคคล" ในอนาคต และเป็นสิ่งที่คนในแวดวงการบินอยากเห็นมานานแล้ว
สําหรับขั้นตอนการทดสอบในวันดังกล่าว เริ่มจากการขับทรานซิชั่นเข้าสู่รันเวย์ในสภาพ "รถยนต์" จากนั้นเมื่อทำความเร็วได้ที่ เมเทียร์บังคับกางปีกออก พร้อมกับเชิดหัวขึ้นสู่อากาศเหมือนกับกำลังเทก-ออฟเครื่องบินเล็กธรรมดาๆ นี่เอง
เครื่องบินฉลุยขึ้นไปประกบคู่กับเครื่องบินเล็กพันธุ์แท้กลางเวหาอยู่พักใหญ่ ก่อนม้วนตัวลดระดับร่อนลงจอดยังรันเวย์ด้วยความนิ่มนวล ก่อนจะหุบปีก แปรสภาพเป็นรถยนต์เหมือนเดิม
นอกจากนั้น ดีทริชยังนำรถออกไปวิ่งบนถนน และสาธิตวิธีเติมน้ำมัน "ไร้สารตะกั่ว" จากปั๊มน้ำมันข้างทางลงไปในถังเช่นเดียวกับรถยนต์ทั่วไป
เป้าหมายในใจดีทริชต้องการนำเสนอเดอะ ทรานซิชั่นในสถานะ "เครื่องบินที่วิ่งบนถนนได้ด้วย" เพื่อให้จดทะเบียนเป็น "เครื่องบินเล็กสำหรับการกีฬา" ได้ง่าย
และตั้งความหวังว่าสำนักงานการบินพลเรือน รวมทั้งหน่วยงานขนส่งสหรัฐจะออกใบอนุญาตให้ยานพาหนะ "สะเทินฟ้า-สะเทินบก" รุ่นใหม่ของตนในเร็ววัน
ข้อมูลต้นแบบเดอะ ทรานซิชั่น ณ ปัจจุบัน เป็นเครื่องบิน 2 ที่นั่ง
ตัวถังขณะอยู่ในโหมดพับเก็บปีก ยาว 19 ฟุต, สูง 6 ฟุต 9 นิ้ว, กว้าง 80 นิ้ว
แต่เมื่อเข้าสู่โหมดการบิน จะเพิ่มความยาวปีกเข้าไปอีก 27 ฟุต 6 นิ้ว บินเร็ว 185 ก.ม./ช.ม.
เติมเชื้อเพลิงเต็มถัง 1 ครั้ง ทำระยะทางได้ไกล 667 กิโลเมตร
การเปลี่ยนจากสถานะเครื่องบินเป็นรถ หรือรถเป็นเครื่องบิน ใช้เวลาเพียง 30 วินาที
อย่างไรก็ตาม แม้จะมีอุปกรณ์ควบคุมการบินครบครัน แต่เนื่องจากเดอะ ทรานซิชั่น มีโครงสร้างคล้าย "เครื่องบินเล็ก" จึงไม่เหมาะนำไปบินในสภาวะอากาศแปรปรวน
ในช่วงแรก ดีทริชวางแผนการตลาดไว้ว่า จะเน้นขายให้กับกลุ่มผู้ชื่นชอบการบินที่พอมีเงินถุงเงินถังก่อน เพราะต้นทุนการผลิตยังสูงอยู่ ส่งผลให้ต้องตั้งราคาไว้แถวๆ 7 ล้านบาทต่อลำ (คัน) แต่เชื่อว่าน่าจะขายได้
เพราะเมื่อเทียบกันแล้วก็ไม่ได้ห่างจากราคารถหรูหราทั้งหลายเท่าไหร่นัก
และบางยี่ห้อเผลอๆ แพงกว่าด้วยซ้ำ!?!