ป.ป.ส.เตือนเก็บยาแก้หวัด เกิน60เม็ดเสี่ยงติดคุก15ปี

วานนี้ (18 มี.ค.) นายชาติชาย สุทธิกลม ที่ปรึกษาการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด สำนักคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.)

เปิดเผยหลังจากองค์การอาหารและยา(อย.)ออกมาตรการควบคุมยาแก้หวัดที่มีส่วนผสมของสารสูโดเอฟรีดีน (
Pseudo ephedrine) หลังพบว่ามีการลักลอบนำไปเป็นสารตั้งต้นในการผลิตยาบ้า ว่า ยาแก้หวัด ประเภทยาลดน้ำมูกที่ขายโดยทั่วไปตามร้านขายยามีสารสูโดเอฟรีดีนผสมอยู่ 20 -30 % ทั้งนี้จากข้อมูลของป.ป.ส.พบว่าในช่วงกลางปีที่ผ่านมา ขบวนการค้ายาเสพติดได้เปลี่ยนแปลงแหล่งที่มาของสารตั้งต้น โดยนำสารสูโดเอฟรีดีนในยาลดน้ำมูกไปเป็นสารตั้งต้นในการผลิตยาบ้า เนื่องจากมาตรการปราบปรามสารตั้งต้น และได้รับความร่วมมือจากหลายประเทศในการสกัดกั้นและปราบปราม ทำให้ผู้ผลิตยาบ้า ต้องดัดแปลงและคิดค้นสูตรผลิตยาบ้าใหม่ๆตลอดเวลา อีกทั้งสารเคมีประเภทอื่นหายากมากขึ้น และขณะนี้ ป.ป.ส.ได้ทำหนังสือแจ้งไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทุกฝ่ายแล้ว
  

นายชาติชาย กล่าวอีกว่า สำหรับยาแก้หวัดลดน้ำมูกที่ขายในท้องตลาด มี
2 ประเภท คือ ชนิดที่เป็นยาสูโดเอฟรีดีน 100%
ต้องสั่งจ่ายโดยแพทย์

ซึ่งชนิดนี้ไม่น่าเป็นห่วง เพราะถ้าไม่มีใบสั่งจากแพทย์ก็ซื้อไม่ได้ ส่วนยาสูตรผสม หรือประเภทยาลดน้ำมูก จะหาซื้อได้ตามร้านขายยาทั่วไป ซึ่ง อย.ได้ออกมาตรการควบคุมการซื้อยาลดน้ำมูกชนิดดังกล่าวแล้ว คือ ซื้อได้ไม่เกินครั้งละ
60 เม็ด หรือครั้งละ 6 แผง หากเจ้าหน้าที่ตรวจพบว่าประชาชนทั่วไปครอบครองยาชนิดดังกล่าวเกิน 6 แผง จะถูกดำเนินคดี ฐานมีวัตถุประเภทสารออกฤทธิ์ ประเภท 2 ไว้ในครอบครองเกินกำหนด ต้องระวางโทษจำคุก 15 ปี
 

นายชาติชาย กล่าวด้วยว่า สำหรับเครือข่ายยาเสพติดที่นำยาลดน้ำมูกไปใช้เป็นสารตั้งต้นในการผลิตยาบ้า จะตระเวนซื้อยาลดน้ำมูกจากร้านขายทั่วประเทศตั้งแต่ภาคเหนือจนถึงภาคใต้


ที่ผ่านมาป.ป.ส.เคยจับกุมยาบ้าสูตรใหม่ได้มากถึง
900,000 เม็ด นอกจากนี้ยังพบว่ามีการซื้อยาลดน้ำมูกจากพื้นที่ภาคใต้จำนวนมากเพื่อไปส่งทางภาคเหนือ
ด้านนายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม กล่าวว่า ได้รับรายงานว่ามียาบ้าสูตรใหม่เข้ามาแพร่ระบาดในประเทศแล้ว ส่วนตัวยาคลายเครียดและยาแก้หวัดที่พบว่ามีการนำไปสกัดสาร Pseudo ephedrine นั้นพบว่ามีมากทางภาคเหนือและภาคใต้โดยใช้เส้นทางลำเลียงใน 25 จังหวัดที่เป็นเป้าหมายหลัก โดยเฉพาะจังหวัดตะเข็บชายแดนในภาคเหนือ  

ยาบ้ายังเป็นปัญหาหลักที่พบว่ามีการแพร่ระบาดมาก ส่วนยาไอซ์ ยาเค ยาอีนั้น แม้จะมีแต่ไม่มากเท่ากับยาบ้าซึ่งที่กรุงเทพยังเป็นพื้นที่หลักในการใช้รมว.ยุติธรรม กล่าว

เครดิต :
ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดยหนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์