งานไอทีบีปีนี้กร่อยสนิท ผู้ประกอบการไทยกลืนเลือดลดราคา 20% หนีตาย แหล่งท่องเที่ยวยอดนิยม
อาทิ สมุย ภูเก็ต คลายมนต์ขลัง เชียงใหม่เจอปัญหาหมอกควัน วอนรัฐบาลสร้างความเชื่อมั่นทางการเมืองและดึงลูกค้าต่างชาติด่วน ททท.มั่นใจนักเที่ยวต่างชาติเข้าไทย 14 ล้านคน แต่ยอดรายได้ไม่เข้าเป้า นายวีระศักดิ์ โควสุรัตน์ ประธานกรรมการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ให้สัมภาษณ์ ถึงผลการเข้าร่วมงาน International Tourismus Borse : ITB 2009 ที่กรุงเบอร์ลิน ประเทศเยอรมนี ว่า จากการเยี่ยมชมบูธของ ททท.และผู้ประกอบการท่องเที่ยวไทยที่เข้าร่วมงาน พบว่ากรณีการปิดสนามบินสุวรรณภูมิ เมื่อปลายปีที่ผ่านมา ไม่ได้เป็นอุปสรรคหลักของธุรกิจท่องเที่ยวไทยแต่เป็นเพราะวิกฤติเศรษฐกิจที่ลุกลามไปทั่วโลก ส่งผลให้ธุรกิจท่องเที่ยวแข่งขันกันดุเดือดมีการเจรจาต่อรองลดราคากันมาก ผู้ประกอบการต้องยอมลดราคาในระยะสั้นๆ เพื่อดึงลูกค้า
สำหรับการมาร่วมงาน ITB ปีนี้ ถือว่ามีความจำเป็นมาก สำหรับประเทศไทย เพื่อรักษาฐานลูกค้าเอาไว้
แม้ว่าภาวะเศรษฐกิจโลกจะชะลอตัว ซึ่งประเทศไทยก็หนีไม่พ้นและต้องได้รับผลกระทบตามไปด้วย แต่ก็ต้องพยายามที่จะดึงนักท่องเที่ยวให้กลับมาเที่ยวประเทศไทย คาดว่าปีนี้ยอดนักท่องเที่ยวคงทำได้ตามเป้าหมาย 14 ล้านคน แต่รายได้คงไม่ถึง 505,000 ล้านบาท นายวีระศักดิ์กล่าวว่า ปีนี้ ททท.ได้วางแผน การตลาดท่องเที่ยวไว้ว่า จะเน้นทำการตลาดแบบเจาะกลุ่มนักท่องเที่ยวมากขึ้น เช่น นักท่องเที่ยวอังกฤษ จะเน้นกลุ่มที่ยังมีศักยภาพ หรือเน้นกลุ่มนักท่องเที่ยวที่ยังมีกำลังซื้อดี ไม่ค่อยได้รับผลกระทบ หรือได้รับผลกระทบน้อยจากวิกฤติเศรษฐกิจสหรัฐฯ เช่น ฝรั่งเศส เนเธอร์แลนด์ รัสเซีย สแกนดิเนเวีย หรือกลุ่มนักท่องเที่ยวใหม่ๆ เช่น สเปน เป็นต้น
นายกงกฤช หิรัญกิจ ประธานสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย กล่าวว่า งานปีนี้พบว่าผู้ซื้อมาร่วมงานบางตากว่าปีก่อน ผู้ประกอบการต้องลดราคาขายลงมา
โดยเฉลี่ยปรับลดราคาลง 20% เนื่องจากผู้ซื้ออ้างเหตุการณ์ปิดสนามบินสุวรรณภูมิ ทำให้มีค่าใช้จ่ายในการสร้างความเชื่อมั่นให้กับลูกค้าอีกต่อหนึ่ง ภาวะเศรษฐกิจโลกมีผลให้จำนวนนักท่องเที่ยวลดลง เหมือนกับทุกๆประเทศที่พึ่งพารายได้หลักจากการท่องเที่ยว แต่การปิดสนามบินสุวรรณภูมิ ทำให้ผู้ประกอบการท่องเที่ยวไทยต้องลดราคาลงทุกราย ไม่ว่าจะเป็นแหล่งท่องเที่ยวยอดนิยม อาทิ เกาะสมุย หรือ จ.ภูเก็ต ขณะที่ จ.เชียงใหม่ ก็ได้รับผลกระทบที่รุนแรง และขณะนี้ จ.เชียงใหม่ ยังเผชิญกับปัญหาหมอกควัน ทำให้จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติลดลง
นอกจากนี้ ในส่วนของผู้ประกอบการท่องเที่ยวรายใหม่ๆที่เพิ่งเข้ามาสู่ธุรกิจท่องเที่ยวก็ยิ่งน่าเป็นห่วงเพราะจะหาลูกค้าได้ยาก จึงอยากให้ ททท.ช่วยเป็นแกนหลักในการบุกตลาดลูกค้านักท่องเที่ยวใหม่ๆ
เช่น อเมริกาใต้ แอฟริกาใต้ สวิตเซอร์แลนด์ เพื่อมาชดเชยยอดที่หายไป นายประกิจ ชินอมรพงษ์ นายกสมาคมโรงแรมไทย กล่าวว่า งาน ITB ปีนี้ มีการเจรจาต่อรองลดราคากันหลายรายตั้งแต่ 5-10% เพราะวิกฤติเศรษฐกิจโลก ทำให้กำลังซื้อหดตัว ดังนั้น การคาดหวังเรื่องยอดขายที่เป็นมูลค่าคงทำได้ยาก แต่จำนวนยอดนักท่องเที่ยวคงเป็นไปตามเป้าที่ ททท.วางไว้ อีกทั้งการเจรจาซื้อขายทัวร์ระหว่างลูกค้ากับผู้ประกอบการไทยก็เป็นการเจรจาซื้อขายระยะสั้นเพียง 3-4 เดือนข้างหน้า แตกต่างจากปกติยอดจองซื้อขายทัวร์จะเป็นการซื้อขายกันเป็นโปรแกรมระยะยาวถึงปีหน้า “กรณีดังกล่าวทำให้ไม่สามารถชี้วัดได้ว่า ธุรกิจท่องเที่ยวของประเทศไทยจะฟื้นตัวได้หรือไม่ ส่วนแหล่งท่องเที่ยวที่ได้รับความนิยมสูงสุด ในปีนี้ ยังคงเป็นสมุย ภูเก็ต ขณะที่พัทยาและเชียงใหม่ไม่ค่อยได้รับความสนใจ เนื่องจากตลาดลูกค้าหลักๆของพัทยาและเชียงใหม่ คือญี่ปุ่นและเกาหลีใต้ ซึ่งยังไม่สามารถทำใจรับได้กับการปิดสนามบินสุวรรณภูมิ”
นายอภิชาติ สังฆอารี นายกสมาคมไทยบริการท่องเที่ยว (แอตต้า) กล่าวว่า หลังจากนี้รัฐบาลไทยจะต้องเตรียมแผนกระตุ้นการท่องเที่ยวให้มากขึ้น
เพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบการ โดยเฉพาะการทุ่มงบโฆษณา เพื่อแข่งขันกับประเทศอื่นๆ โดยการเจาะตรงไปถึงผู้บริโภคในแต่ละประเทศมากขึ้น และต้องเร่งสร้างเสถียรภาพทางการเมืองในประเทศให้ได้.