ปลัดอำเภอโวย ถูกหมายเรียกให้มาเสียค่าปรับขับรถผ่าไฟแดง ทั้งที่ไม่ได้ขับรถเข้ากรุงเทพฯช่วงเวลาดังกล่าว
จี้ตำรวจตรวจสอบให้ละเอียดเพราะกล้องคงจับผิดพลาดหรืออาจถูกคนอื่นสวมทะเบียน ทางด้านผู้กำกับจราจรเผยเจ้าของรถสามารถนำหลักฐานเกี่ยวกับรถมาพบพนักงานสอบสวน หากตรวจสอบแล้วไม่ใช่รถคันที่ทำความผิดก็จะถอนหมายเรียก ระบุหลังจากติดกล้องตามแยกไฟแดงช่วงปลายปี 51 ได้ออกหมายเรียกแล้วกว่าแสนราย แต่มีปัญหาแค่ 14 ราย ทำให้ทราบว่ามีการปลอมป้ายทะเบียนรถแล้วนำมาวิ่ง แนะเจ้าของตัวจริงไปแจ้งความไว้เป็นหลักฐาน
เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 9 มี.ค. ผู้สื่อข่าวได้รับการร้องเรียนจากนายนคร ศรีบุศย์ดี ปลัดอำเภอศรีประจันต์ จ.สุพรรณบุรี
ว่ามีหมายเรียกจากตำรวจ กก.3 บก.จร. พร้อมรูปถ่ายการขับรถยนต์ฝ่าฝืนสัญญาณไฟแดง และให้ตนไปพบ พ.ต.ท.วิชาญ จันทศรี พนักงานสอบสวน เพื่อเสียค่าปรับภายในวันที่ 13 มี.ค.นี้ โดยระบุว่าเหตุเกิดเมื่อวันที่ 2 ก.พ. 52 เวลา 03.09 น. บริเวณแยกโชคชัย 4 ถนนลาดพร้าว แขวง-เขตวังทองหลาง กรุงเทพฯ ซึ่งตนเป็นเจ้าของรถยนต์ทะเบียน ฉบ 797 กรุงเทพมหานคร แต่ในหมายเรียกไม่ระบุว่าเป็นรถยี่ห้ออะไร
หลังจากได้รับหมายเรียก ทำให้งงมาก เพราะไม่เคยเข้าไปกรุงเทพฯในวัน-เวลาดังกล่าว และเมื่อนำภาพถ่ายของตำรวจมาเปรียบเทียบกับรถของตน ก็ไม่ตรงกัน
เพราะตนใช้รถเบนซ์ รุ่น 190 อี สีบรอนซ์ ทะเบียน ฉบ 797 กรุงเทพมหานคร แต่ในภาพมองไม่ออกว่ายี่ห้ออะไร ตรงกันแค่หมวดอักษร และหมายเลขทะเบียน แต่กลับมีหมายเรียกมาได้อย่างไร เพราะรถตนใช้คนเดียว จึงได้ประสานไปที่แผนกภาพวงจรปิดกก.4 บก.จร. เพื่อให้ตรวจสอบใหม่ ก็ได้รับคำตอบว่าจะดูให้ แต่ขณะนี้ผ่านไปกว่า 1 สัปดาห์ ยังไม่มีการติดต่อกลับมา จึงอยากให้เจ้าหน้าที่ช่วยตรวจสอบให้ละเอียด กล้องอาจจับผิดพลาดตรงหมวดอักษร หรือถ้าเป็นทะเบียนรถของตนจริง ก็อาจถูกคนอื่นสวมทะเบียน ตนจึงได้แจ้งความว่าไม่ได้กระทำความผิดตามที่ได้รับหมายเรียก ไว้ที่ สภ.ศรีประจันต์
ทางด้าน พ.ต.อ.วันชัย อยู่แสง ผกก.4 งานศูนย์ควบคุมสั่งการจราจร บก.02 บก.จร. เปิดเผยว่า กรณีเจ้าของรถทะเบียน ฉบ 797 กรุงเทพมหานคร
ฝ่าฝืนสัญญาณไฟจราจรที่แยกโชคชัย 4 เวลา 03.09 น. จากการตรวจสอบจากภาพพบว่าเป็นรถเบนซ์ เห็นหมายเลขทะเบียนชัดเจน ส่วนสีรถเนื่องจากเป็นช่วงเวลากลางคืน และจากการที่ตรวจสอบข้อมูลกับกรมการขนส่งทางบก เป็นรถสีเทา ถ้าเจ้าของรถยืนยันว่าไม่ใช่รถของตนตามปรากฏในหมายเรียก สามารถนำหลักฐานเกี่ยวกับรถคันดังกล่าว มาพบพนักงานสอบสวนที่ กก.4 บก.จร.ได้ หากตรวจสอบแล้วไม่ใช่รถคันที่กระทำความผิดจริง จะดำเนินการถอนหมายเรียกดังกล่าว
“หลังจากมีการออกหมายเรียกผู้ขับรถฝ่าฝืนสัญญาณไฟจราจร จากกล้องเรดไลท์ คาเมร่า ตั้งแต่วันที่ 30 ธ.ค. 51 ไปแล้วกว่า 100,000 ราย พบว่ามีเจ้าของรถที่ได้รับหมายเรียกและมีหลักฐานยืนยันว่ารถของตนไม่ได้ขับผ่านไปในจุดที่ติดตั้งกล้องฯ จำนวน 14 ราย ทำให้ทราบว่ามีการปลอมป้ายทะเบียนและนำมาวิ่ง เจ้าหน้าที่จึงได้ถอนหมายเรียกและแจ้งเป็นข้อมูลให้โรงพักท้องที่ที่พบรถคันดังกล่าวให้มีการตรวจสอบ รวมทั้งประสานข้อมูลกับศูนย์ป้องกันและปราบปรามการโจรกรรมรถยนต์และรถจักรยานยนต์ของ บช.น. เพื่อติดตามตรวจสอบ ทั้งนี้เจ้าของรถที่ถูกปลอมป้ายทะเบียนจะได้ทราบเป็นข้อมูล หรืออาจไปแจ้งความลงบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐาน เพราะการที่มีคนปลอมป้ายทะเบียนรถ ก็ตั้งข้อสังเกตได้ว่าผู้ปลอมป้ายทะเบียนมีเจตนาไม่ดี หากมีการนำรถปลอมป้ายทะเบียนไปก่อเหตุอาชญากรรม เจ้าของทะเบียนรถตัวจริงก็สามารถมีหลักฐานยืนยันได้”
พ.ต.อ.วันชัยกล่าวต่อไปว่า ที่ผ่านมามีปัญหาลักษณะดังกล่าว 14 ราย จากจำนวนกว่า 100,000 ราย ที่ออกหมายเรียกไป ถือว่ามีจำนวนน้อยไม่ถึง 1%
ทั้งนี้ขอยืนยันว่าในขั้นตอนการตรวจสอบรถฝ่าฝืนสัญญาณไฟในเบื้องต้นของตำรวจ จะเลือกภาพรถที่กระทำความผิดโดยดูความถูกต้องของภาพ คือ 1.รถคันดังกล่าว ฝ่าสัญญาณไฟจริง ๆ เช่น หากเป็นภาพรถที่หยุดอยู่บริเวณเส้น ไม่ฝ่าออกไปก็จะคัดภาพรถคันดังกล่าวออก 2.ตรวจสอบความชัดเจนของทะเบียนรถ 3.ตรวจสอบว่าประเภทของรถตรงตามภาพหรือไม่ เช่น รถเก๋ง รถกระบะ รถบรรทุก 4. ภาพที่ถ่ายในเวลากลางวัน ซึ่งมองเห็นสี หรือยี่ห้อรถได้ชัดเจน จะช่วยยืนยันข้อมูลที่ตรวจพบว่าตรงตามข้อมูลจดทะเบียนของกรมการขนส่งทางบก สำหรับผู้ที่สงสัยว่าไม่ใช่รถของตน สามารถมาตรวจสอบภาพที่บันทึกไว้ในระบบได้ เพราะเป็นภาพที่เห็นชัดเจนกว่าภาพที่พิมพ์ลงในหมายเรียกซึ่งมีขนาดเล็ก.