รวบ 2 ผู้ต้องหาสุดแสบลูบคมกรมสรรพากา ฉ้อโกงขอคืนภาษีทางอินเทอร์เน็ต ได้เงินไปกว่า 1.5 ล้านบาท
ทำทีจ้างคนไปเปิดบัญชีธนาคารพร้อมทำบัตรเอทีเอ็ม แล้วนำข้อมูลต่าง ๆ ที่ได้ไปกรอกขอคืนภาษี ทางเน็ต สารภาพ ทำมาหลายปีตั้งแต่กรมสรรพากรเปิดให้ยื่นแบบคืนภาษีผ่านเว็บไซต์ เพราะเห็นช่องทางหละหลวม ขอไปเท่าไหร่ก็ได้คืนเท่านั้น อธิบดีฯ พบสิ่งผิดปกติขณะวิเคราะห์ข้อมูล สั่งเจ้าหน้าที่ตรวจสอบ ผงะเจอโกงเสียเอง ประสานตำรวจตามลากคอได้ทั้งคู่ สารภาพผิดไปแล้ว ขอโทษประชาชนนำเงินแผ่นดินมาใช้
เมื่อวันที่ 6 มี.ค. ที่กองบังคับการปราบปรามอาชญากรรมทางเศรษฐกิจและเทคโนโลยี (บก.ปศท.)
นายวินัย วิทวัสการเวช อธิบดีกรมสรรพากร พล.ต.ท.ไถง ปราศจากศัตรู ผบช.ก. พล.ต.ต.ปัญญา มาเม่น รอง ผบช.ก. พล.ต.ต. โกวิทย์ วงศ์รุ่งโรจน์ ผบก.ปศท. และ พ.ต.อ. พิสิษฐ์ เปาอินทร์ รอง ผบก.ศตท. (ศูนย์ตรวจสอบและวิเคราะห์การกระทำผิดทางเทคโนโลยี สำนักงานตำรวจแห่งชาติ) แถลงข่าวจับกุมนายพงศ์กรณ์ อภิกุลไพศาล หรือนายเลิศพงศ์ ผ่องรัตนนันท์ อายุ 42 ปี และ น.ส.บุศรา อุดมพรกุล โดยจับกุมได้ที่บ้านเลขที่ 43/135 หรือ 10/135 หมู่ 9 หมู่บ้านสินทรัพย์นครการ์เด้น ถนนกาญจนภิเษก แขวงและเขตบางแค พร้อมของกลาง คอมพิวเตอร์ 1 เครื่อง สำเนาบัตรประจำตัวประชาชน 28 ฉบับ สมุดบัญชีธนาคารต่าง ๆ จำนวน 86 เล่ม บัตรเอทีเอ็ม 83 ใบ สำเนาทะเบียนบ้าน 30 แผ่น และเอกสารอื่น ๆ อีกจำนวนมาก
นายวินัย กล่าวว่าสืบเนื่องจาก กรมสรรพากรได้ตรวจสอบข้อมูลการขอคืนเงินภาษี เงินได้บุคคลธรรมดาทางอินเทอร์เน็ต
พบความผิดปกติโดยมีข้อมูลใช้ที่อยู่ขอคืนเงินภาษีเป็นที่เดียวกันเป็นจำนวนมาก และอ้างหลักฐานว่ามีเงินได้พึงประเมินจากค่านายหน้า และดอกเบี้ยเงินฝากธนาคาร ตามหนังสือรับรองหักภาษี ณ ที่จ่าย แต่เมื่อตรวจสอบข้อมูลการนำส่งภาษีเงิน ได้หัก ณ ที่จ่าย แล้วไม่พบ กรมสรรพากรจึงประสานไปยัง บก.ปศท. และศตท.ให้ตรวจสอบ จนพบว่าผู้ต้องหาได้ว่าจ้างให้บุคคลอื่นไปเปิดบัญชีเงินฝากธนาคาร พร้อมทำบัตรเอทีเอ็มกว่า 100 บัญชี อ้างว่าจะนำไปใช้ขายสินค้าทางอินเทอร์เน็ต จากนั้นได้นำรายชื่อบุคคลดังกล่าวไปยื่นแบบแสดงรายการภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา และขอคืนเงินภาษี หลอกลวงกรมสรรพากร ด้วยการแจ้งที่อยู่ผู้ขอคืนภาษีเป็นเท็จ โดยใช้ที่อยู่ของผู้ต้องหา หรือบ้านร้างใกล้เคียงที่ไม่มีคนอยู่อาศัย นอกจากนี้ยังแสดงข้อความเป็นเท็จ ในแบบแสดงรายการภาษีว่า ได้ค่านายหน้าจาก บริษัท ยูนีทลีโอ จำกัด มีดอกเบี้ยจาก ธ.กรุงไทย ธ.กรุงเทพ และธ.ออมสิน ทั้ง ๆ ที่คนเหล่านั้นไม่ได้มีที่อยู่ดังกล่าว และไม่เคยได้เงินค่านายหน้า หรือดอกเบี้ยจากธนาคาร และก็ไม่เคยยื่นแบบแสดงรายการเสียภาษีด้วย
“การกระทำดังกล่าวทำให้กรมสรรพากรหลงเชื่อ คืนภาษีให้ตามที่อยู่ที่แจ้งคืนไว้ โดยในการสั่งจ่ายเป็นเช็ค ได้ระบุชื่อ และขีดคร่อมนำเข้าบัญชีเงินฝากธนาคารของผู้ที่ได้รับคืนภาษี จากนั้นผู้ต้องหาซึ่งมีสมุดบัญชีเงินฝากธนาคารพร้อมบัตรเอทีเอ็มเหล่านั้นอยู่ ได้นำเช็คดังกล่าวไปเข้าบัญชี และเอาบัตรเอทีเอ็มไปเบิกถอนเงินจากตู้เอทีเอ็มได้ ทำให้กรมสรรพากรได้รับความเสียหายเป็นเงินกว่า 1.5 ล้านบาท” นายวินัยระบุ
นายพงศ์กรณ์รับสารภาพว่า ขอโทษคนไทยที่เอาเงินของแผ่นดินมาใช้โดยรู้เท่าไม่ถึงการณ์ โดยตนเริ่มทำมาตั้งแต่ปี 2548 ที่กรมสรรพากรให้มีการยื่นแบบทางอินเทอร์เน็ตเป็นครั้งแรก
เนื่องจากเห็นว่าการยื่นแบบดังกล่าว มีความหละหลวม ขอคืนเท่าไหร่มักจะได้เท่านั้นเลยลองยื่นไป 3,000 บาท ก็ได้คืนเงินจำนวนดังกล่าวมา “ผมจ้างคนไปเปิดบัญชีรายละ 1,000 บาท จากนั้นนำบัญชีมาพร้อมกับเลขบัตรประชาชนไปขอคืนภาษี โดยจะขอคืนรายละ 3-4 พันบาท นอกจากนี้ หากใครชักชวนคนอื่นมาได้ก็จะได้ค่านายหน้าอีกคนละ 500 บาท ตอนนี้ผมมีชื่อบัญชีอยู่ประมาณ 40 คน และตั้งแต่เริ่มทำมา ได้เงินมาประมาณ 3 แสนบาทเท่านั้น” นายพงศ์กรณ์สารภาพ เบื้องต้นตำรวจแจ้งข้อหาร่วมกันนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ปลอม ไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่น หรือประชาชน อันเป็นความผิดตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2550 และข้อหาร่วมกันฉ้อโกง ก่อนจะนำตัวมอบให้พนักงานสอบสวน บก.ปศท.ดำเนินคดีต่อไป.