เคาะแล้วเบี้ยอบรมคนตกงาน 4.8 พันบาทต่อเดือน โครงการคืนถิ่นกร่อย ปชช.ขอสินเชื่อแค่ 2พันกว่าราย


เคาะแล้วเบี้ยเลี้ยงฝึกอบรมช่วยตกงานคนละ 4.8 พันต่อเดือน ค่ารถอีก 720 บาท ให้เลือก 3 พันหลักสูตร เปิด 4 พันจุดกระจายทั่วประเทศ รุ่นแรกเริ่ม 1 เม.ย. รองรับถึง 1 แสนคน "ธ.ก.ส." มึนคนเมินขอสินเชื่อธุรกิจโครงการคืนถิ่น มีแค่ 2,000 ต่ำกว่าเป้าตั้งไว้ 1 แสนราย

นายกนก วงษ์ตระหง่าน ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานคณะอนุกรรมการบริหารโครงการเพิ่มศักยภาพผู้ว่างงาน เพื่อสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจและสังคมในชุมชน เปิดเผยเมื่อวันที่ 1 มีนาคม ว่า ในช่วงปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา คณะกรรมการบริหารโครงการนี้ ซึ่งมีนายกอร์ปศักดิ์ สภาวสุ รองนายกรัฐมนตรี ได้ประชุมหารือร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องถึงรายละเอียดการดำเนินงานโครงการ และได้ข้อยุติเบื้องต้นเรียบร้อยแล้ว โดยหลักสูตรการฝึกอบรมอาชีพต่างๆ จะมีจำนวนกว่า 2,000-3,000 หลักสูตร คัดเลือกมาจากหลักสูตรจำนวนกว่า 17,000 หลักสูตร ที่หน่วยงานต่างๆ เสนอเข้ามาให้พิจารณาในช่วงแรก ส่วนจุดให้บริหารฝึกอบรมอาชีพ ทั้งในส่วนของหน่วยงานราชการ สถาบันการศึกษา และหน่วยงานภาคประชาสังคม จะมีจำนวน 3,000-4,000 จุด กระจายทุกพื้นที่ทั่วประเทศ และคาดว่าจะเปิดการฝึกอบรมอาชีพแรงงานรุ่นแรกได้ในวันที่ 1 เมษายน ในการฝึกอบรมแต่ละรุ่นสามารถรองรับผู้เข้ารับการอบรมได้จำนวน 100,000 คน

นายกนกกล่าวว่า สำหรับค่าใช้จ่ายในการฝึกอบรมจะแยกเป็น 1.ค่าใช้จ่ายการฝึกอบรม 5,000 บาท/คน/เดือน จ่ายให้สถาบันจัดฝึกอบรมเพื่อเป็นค่าวิทยากร ค่าวัสดุอุปกรณ์ ค่าไฟฟ้า ค่าน้ำประปา และค่าอาหารกลางวัน และค่าใช้จ่ายอื่นๆ 2.ค่าเบี้ยเลี้ยงการฝึกอบรมสำหรับผู้เข้ารับการอบรม จำนวน 4,800 บาท/คน/เดือน 3.ค่าพาหนะระหว่างการอบรม 720 บาท/คน/เดือน และ 4.ค่าเดินทางเหมาจ่าย 3,000 บาท/คน สำหรับผู้ที่เดินทางเข้ามาอบรมจากต่างจังหวัด และเดินทางกลับภูมิลำเนาเมื่อฝึกอบรมเรียบร้อยแล้ว

"ค่าใช้จ่ายการฝึกอบรมของหน่วยงานต่างๆ และค่าเบี้ยเลี้ยงของผู้เข้ารับการอบรม คณะกรรมการได้กำหนดให้จ่ายในอัตรานี้ทุกหลักสูตร แต่จะได้กี่เดือนก็ขึ้นอยู่กับการฝึกอบรมแต่ละหลักสูตรว่าจะใช้เวลานานแค่ไหน เพราะบางหลักสูตรใช้เวลาเพียง 1 เดือน หรือมากกว่านี้ แต่ในส่วนของผู้เข้ารับการฝึกอบรมที่จะเดินทางกลับไปประกอบอาชีพในภูมิลำเนา หลังการฝึกเสร็จ จะได้รับค่าเบี้ยเลี้ยงช่วยเหลืออีกเดือนละ 4,800 บาท แต่ไม่เกิน 3 เดือน เพื่อช่วยเหลือในช่วงระหว่างรองาน" นายกนกกล่าว

นายกนกกล่าวว่า สำหรับกลุ่มแรงงานชะลอการเลิกจ้างของผู้ประกอบการ ที่สนใจส่งแรงงานเข้าร่วมฝึกอบรมในโครงการนี้ เพื่อแลกเปลี่ยนกับการไม่ปลดคนงานออกเป็นระยะเวลาไม่น้อยกว่า 1 ปี นั้น ที่ประชุมได้ข้อยุติว่าจะเน้นการช่วยเหลือเฉพาะผู้ประกอบการขนาดกลางและขนาดเล็กเป็นหลัก โดยเฉพาะกลุ่มธุรกิจส่งออกและท่องเที่ยว ที่ได้รับผลกระทบจากปัญหาวิกฤตเศรษฐกิจในขณะนี้ มีผู้ประกอบการที่สนใจยื่นคำร้องขอเข้าร่วมโครงการเป็นจำนวนมากกว่า 1,000 ราย แต่ในขั้นตอนการเข้าร่วมจะต้องผ่านการตรวจสอบข้อมูลทั้งในเรื่องสถานะการเงิน รวมถึงจำนวนแรงงานว่าได้รับความเดือนร้อนจริง และเมื่อได้รับความช่วยเหลือไปแล้วธุรกิจจะฟื้นตัวได้เร็วหรือไม่

รายงานข่าวแจ้งว่า ล่าสุด คณะกรรมการบริหารโครงการเพิ่มศักยภาพผู้ว่างงานฯ ที่มีนายกอร์ปศักดิ์เป็นประธาน ได้กำหนดเกณฑ์การพิจารณาคัดเลือกผู้ประกอบการที่จะสนใจจะส่งแรงงานเข้ามาร่วมฝึกอบรมอาชีพ เพื่อชะลอการเลิกจ้าง ใน 1 ปี ว่า จะต้องมีชื่อสถานประกอบการที่ชัดเจน ระบุจำนวนรายชื่อกลุ่มพนักงาน/ลูกจ้างที่อยู่ในข่ายจะถูกเลิกจ้าง และต้องการฝึกอบรมเพิ่มทักษะประเภทอะไร ผู้ประกอบการจะนำเสนอข้อมูลให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องตรวจรับรองข้อมูล เช่น สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย สภาอุตสาห กรรมการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย และสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย หากผู้ประกอบการรายใดได้รับการคัดเลือกให้เข้าร่วมโครงการจะต้องจัดทำเอ็มโอยู ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับรองข้อมูลและยืนยันการจ้างงานกลุ่มพนักงานและลูกจ้างที่ได้ผ่านการฝึกอบรมมาแล้ว ต่อเนื่องไปอีกอย่างน้อย 1 ปี

ข่าวแจ้งว่า สำหรับหลักสูตรที่ผ่านการคัดเลือกแล้วได้แก่ หลักสูตร "เปลี่ยนวิธีคิด ติดอาวุธสัมมาชีพด้วยเศรษฐกิจพอเพียง", หลักสูตร "พัฒนาศักยภาพผู้ดูแลผู้สูงอายุ การบริบาลผู้สูงอายุ" รองรับผู้ฝึกอบรมได้ 390 คนต่อรุ่น, หลักสูตร "7 เมนูญี่ปุ่น อาหารว่างไทย-จีน-เวียดนาม อาหารตะวันตก" รองรับผู้ฝึกอบรมได้ 540 คนต่อรุ่น, หลักสูตร "เครื่องปั้นดินเผา เครื่องจักสาน ผ้าบาติก กรอบรูป" รองรับผู้ฝึกอบรมได้ 1,435 คนต่อรุ่น, หลักสูตร "สร้างมัคคุเทศก์ มืออาชีพในท้องถิ่น/ชุมชน" สามารถรองรับผู้ฝึกอบรมได้ 1,035 คนต่อรุ่น, หลักสูตร "นวดแผนไทยเพื่อสุขภาพ" รองรับผู้ฝึกอบรมได้ 370 คนต่อรุ่น, หลักสูตร "เขียนแผนธุรกิจเปลี่ยนวิกฤตอาชีพ สร้างผู้ประกอบการ" สามารถรองรับผู้ฝึกอบรมได้ 135 คนต่อรุ่น, หลักสูตร "การจัดการและการใช้คอมพิวเตอร์ในงานสำนักงาน" สามารถรองรับผู้ฝึกอบรมได้ 140 คนต่อรุ่น เป็นต้น

ด้าน นายเอ็นนู ซื่อสุวรรณ รองผู้จัดการรักษาการผู้จัดการธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) กล่าวว่า จากการตรวจสอบข้อมูลผู้สนใจเข้าร่วมรับการอบรมทักษะแรงงานตามโครงการของ ธ.ก.ส.และกระทรวงแรงงานทั่วประเทศ ระหว่างเดือนมกราคม-กุมภาพันธ์ 2552 มีถึง 150,000 คน แต่ปรากฏว่า มีผู้สนใจขอรับสินเชื่อตามโครงการกู้วิกฤตแรงงานไทยคืนถิ่นเพียง 2,000 รายเท่านั้น ถือว่าเป็นปริมาณที่น้อยกว่าที่ ธ.ก.ส.ตั้งเป้าไว้ว่าโครงการจะได้รับความนิยมและน่าจะมีผู้เข้าร่วมโครงการประมาณ 100,000 ราย วงเงินสินเชื่อรวม 5,000 ล้านบาท
 
สำหรับสาเหตุที่ทำให้จนถึงขณะนี้มีผู้แสดงความสนใจว่าทำเรื่องขอสินเชื่อจาก ธ.ก.ส.แค่เพียง 2,000 ราย เพราะส่วนใหญ่กังวลใจว่าหากกู้เงินมาทำธุรกิจในภาวะที่เศรษฐกิจยังผันผวนแบบนี้ อาจจะขายของไม่ได้ และไม่สามารถหาเงินกลับมาใช้คืนเงินกู้ได้ตามกำหนด ทำให้ส่วนใหญ่จึงเลือกที่จะเข้าร่วมรับการอบรมฝึกทักษะอาชีพ ฝีมือแรงงานด้านต่างๆ เพียงอย่างเดียวระหว่างรองาน  ใหม่ โดยหวังว่าจะรอเวลาเพื่อไปทำงานในตำแหน่งและหน้าที่ใหม่ ที่กระทรวงแรงงานได้ประกาศไว้ว่าขณะนี้เรามีตำแหน่งงานว่างอยู่ทั่วประเทศ 125,000 ตำแหน่ง ขณะนี้อยู่ระหว่างการจับคู่คนกับงานให้สอดคล้องกัน

"แม้ว่าแรงงานที่ตกงานจะสนใจขอสินเชื่อที่เราเตรียมเอาไว้ให้ แค่เพียง 2,000 ราย คิดเป็นวงเงินประมาณ 100 ล้านบาท จากวงเงินสินเชื่อที่วางไว้ถึง 5,000 ล้านบาท โดยส่วนใหญ่ให้เหตุผลว่ายังไม่มั่นใจสถานการณ์เศรษฐกิจของประเทศว่าจะดีขึ้นจริงหรือไม่ จึงตัดสินใจที่จะเข้ารับการอบรมระหว่างที่ตกงานเท่านั้น แต่เราก็คงจะไม่ไปเร่งรัดหรือบังคับให้ทุกคนที่มาต้องขอสินเชื่อ หรือเร่งให้คนเป็นหนี้ เพราะเชื่อว่าจำนวนคนขอสินเชื่อในโครงการดังกล่าวน่าจะเพิ่มขึ้นในอีก 6-8 เดือนข้างหน้า หลังจากที่ได้รับการอบรมทักษะฝีมือต่างๆ ไปแล้ว และได้กลับไปยังถิ่นฐานและหาลู่ทางพื้นที่ทำกิจการได้" นายเอ็นนูกล่าว

ทั้งนี้ ธ.ก.ส.คาดว่า เม็ดเงินสินเชื่อในโครงการกู้วิกฤตแรงงานไทยคืนถิ่นน่าจะเข้าสู่ระบบได้ภายในเดือนพฤษภาคม 2552 หลังจากที่ กระทรวงแรงงานได้จัดอบรมทักษะอาชีพ ฝีมือ ให้กับกลุ่มนำร่องชุดแรก 2,000 คน ในเดือนเมษายน 2552 ต่อจากนั้น ธ.ก.ส.จะอบรมเพิ่มเติมในหลักสูตร "เถ้าแก่น้อย" เพื่อทุกคนมีความรู้พื้นฐานเกี่ยวกับการจัดทำโครงการ งานด้านบัญชี เพื่อดูความตั้งใจ เป็นเวลา 1 สัปดาห์ จากนั้นจะสามารถพิจารณาสินเชื่อให้กับแต่ละรายได้ทันที

เครดิต :
เครดิต :เนื้อหาข่าว คุณภาพดี หนังสือพิมพ์มติชน


ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์