จำคุกปณ.120ปี ยักยอกธนาณัติ

ที่ศาลอาญา วันที่ 27 ก.พ. ศาลอ่านคำพิพากษาในคดี ที่พนักงานอัยการพิเศษฝ่ายคดีพิเศษ 2 เป็นโจทก์ฟ้องนายคมกฤษณ์ หรือสรณัท วงศ์ษาสิงห์ อายุ 32 ปี อดีตนายไปรษณีย์ ระดับ 3 ที่ทำการไปรษณีย์ดุสิต เป็นจำเลย

ในความผิดฐานเป็นเจ้าพนักงานมีหน้าที่ทำ จัดการ และเบียดบังทรัพย์สินเป็นของตนเองหรือผู้อื่นโดยทุจริต เป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ  โจทก์ฟ้องและนำสืบว่า ระหว่างวันที่ 16 พ.ย. 43-2 มี.ค. 44 ต่อเนื่องกัน จำเลยมีหน้าที่รับฝากและจ่ายเงินธนาณัติให้แก่ประชาชน ได้กระทำผิดกฎหมายหลายกรรมด้วยการลงรายการบัญชีรับเงิน และจ่ายเงินเกินความจริง ซึ่งเป็นเท็จ แล้วเบียดบังเงินครั้งละ 1,000-30,000 บาท รวม 24 ครั้ง เป็นเงินทั้งสิ้น 299,674 บาท เป็นของตนเองโดยทุจริต ต่อมาวันที่ 18 พ.ย. 51 พนักงานสอบสวน สน.สามเสน จับกุมจำเลยได้ ให้การรับสารภาพ จำเลยให้การรับสารภาพอ้างว่า ขณะเกิดเหตุมีประสบการณ์ใช้ชีวิตน้อยจนประมาทเลินเล่อ จึงกระทำผิด ทั้งยังมีภาระต้องเลี้ยงดูบิดามารดาอายุมากด้วย

ศาลพิเคราะห์แล้วเห็นว่า โจทก์มีอดีตหัวหน้าแผนกธุรการ และผู้ช่วยหัวหน้าไปรษณีย์ดุสิต เข้าเบิกความสอดคล้องเชื่อมโยงถึงการกระทำความผิดของจำเลยที่สั่งจ่ายเงินเกินจำนวน เพื่อนำส่วนเกินเก็บไว้เอง อันมีน้ำหนักน่าเชื่อถือ

อีกทั้งพยานไม่มีสาเหตุโกรธเคืองกับจำเลยมาก่อน จึงไม่มีเหตุระแวงสงสัยว่าพยานจะเบิกความกลั่นแกล้งจำเลยให้ต้องรับโทษ และหากจำเลยไม่กระทำผิดจริงคงไม่นำเงินจำนวนดังกล่าวมาชดใช้แก่การสื่อสารแห่งประเทศ ไทย (กสท.) จำเลยจึงมีความผิดฐานเป็นเจ้าพนักงานยักยอก ทรัพย์ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 147  พิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 147,157, 162 (1) และ พ.ร.บ.การสื่อสารแห่งประเทศไทยมาตรา 15 เป็นความผิดกรรมเดียวแต่ผิดกฎหมายหลายบท  ให้เรียงกระทงลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 147 อันเป็นบทหนักสุด จำคุก กระทงละ 5 ปี จำนวน 24 กระทง รวม 120 ปี คำรับสารภาพเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา  ลดโทษให้กึ่งหนึ่งเหลือจำคุก 60 ปี แต่ทั้งนี้จะลงโทษจำคุกจำเลยได้ไม่เกิน 50 ปี ตามประมวลกฎหมายอาญา  มาตรา  91 (3) คงจำคุกจำเลยไว้ 50 ปี