หลังจากเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา (21 ก.พ.) สมาคมค้าทองคำ ประกาศราคาทองประจำวัน ซึ่งทองแท่ง รับซื้อบาทละ 16,250 บาท ขายออกบาทละ 16,350 บาท ทองรูปพรรณ รับซื้อบาทละ 16,008.96 บาท ขายออกบาทละ 16,750 บาท โดยพุ่งขึ้นตามราคาตลาดโลกและทำลายสถิติใหม่นั้น
นายจิตติ ตั้งสิทธิ์ภักดี นายกสมาคมค้าทองคำ คาดการณ์ว่า ในอีก 1-2 เดือนนี้ ราคาทองคำจะขึ้นไปอยู่ที่บาทละ 17,000 บาท จากที่วันนี้ ราคาทองคำปรับขึ้นมาอีกบาทละ 200 บาท โดยราคาทองแท่งราคารับซื้อวันนี้ขึ้นมาอยู่ที่ 16,250 บาท จากเมื่อวานนี้อยู่ที่บาทละ 16,050 บาท ส่วนราคาขายออกก็ปรับขึ้นมาเช่นกันโดยราคาขายออกทองคำแท่งล่าสุดอยู่ที่ 16,550 บาท จากที่เมื่อวานนี้อยู่ที่บาทละ 16,150 บาท เชื่อว่า จะทำให้มีประชาชนนำทองคำออกมาขายอีกเป็นจำนวนมาก จากที่นำทองแท่งออกมาขายคืนร้านทองมาแล้วหลายสิบตัน เชื่อว่า จะมีการนำทองรูปพรรณออกมาขายอีกเป็นจำนวนมากเช่นกัน
นายจิตติ กล่าวว่า สาเหตุที่ราคาทองคำในประเทศสูงขึ้นเนื่องจากราคาทองคำในต่างประเทศสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยล่าสุดนักค้าทองคำเชื่อกันว่า น่าจะมีสาเหตุมาจากการที่ธนาคารกลางของหลายประเทศนำเงินทุนสำรองระหว่าง ประเทศที่มีอยู่ออกมาซื้อทองคำ เพื่อเปลี่ยนจากการถือครองเงินมาถือครองทองคำแทน
นายกสมาคมค้าทองคำ ยังกล่าวถึงการที่ประชาชนนำทองออกมาขายเป็นจำนวนมาก ทำให้ร้านทองรับสภาพไม่ไหวเพราะต้องใช้เงินในการรับซื้อคืนรวมๆ กันแล้วหลายหมื่นล้านบาท และได้พยายามระบายทองคำที่รับซื้อเข้ามาขายออกไปยังต่างประเทศแล้วเช่นกัน นอกจากประเทศไทยแล้วประเทศในเอเชียต่างนำทองคำออกขายในตลาดโลกด้วยเช่นกัน เพราะได้ราคาดี จากการขายทองออกไปยังต่างประเทศเชื่อว่า จะทำให้มีเงินไหลเข้าประเทศอีกหลายหมื่นล้านบาทด้วยเช่นกัน และจะส่งผลต่อตัวเลขเงินไหลเข้าประเทศให้เพิ่มขึ้นด้วย อย่างไรก็ตาม เพื่อดูแลประชาชนที่นำทองคำมาขายคืนร้านทอง ในวันที่ 25 ก.พ.นี้ กรมการค้าภายในได้นัดให้สมาคมค้าทองคำไปหารือเพื่อหาทางดูแลประชาชนให้ดีที่สุดต่อไป
ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า ด้านราคาทองคำตลาดต่างประเทศ วันเดียวกันนี้ สัญญาทองคำตลาด ไนเม็กซ์ (New York Mercantile Exchange) ส่ง มอบเดือน เม.ย.ปิดที่ 1,002.20 ดอลลาร์สรัฐฯต่อออนซ์ หรือ 2.6% พุ่งขึ้น 25.70 ดอลลาร์สหรัฐฯ โดยที่ก่อนหน้านี้ราคาทองคำทะยานแตะที่ระดับ 1,007.07 ดอลลาร์ ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับจากวันที่ 18 มี.ค.ที่ผ่านมา
ฟันธงอีกไม่เกิน 2 เดือน ทองแตะบาท 17,000
เครดิต : ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดยหนังสือพิมพ์ไทยรัฐ
ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!