เมื่อ 19 ก.พ. หนังสือพิมพ์เดลี่เมล์ อังกฤษ ตีพิมพ์ภาพเด็กชายชาวออสเตรเลียเคราะห์ร้าย วัย 5 ขวบที่ถูกจระเข้เขมือบ เป็นข่าวสะเทือนใจในหลายวันที่ผ่านมา ในภาพมีหนูน้อยกับแม่ และพี่ชาย วัย 7 ขวบ
ผู้เห็นนาทีจระเข้จู่โจมน้องต่อหน้าต่อตา ขณะที่น้องวิ่งไปไล่จระเข้ไม่ให้เข้ามาใกล้ลูกสุนัขของครอบครัว ในช่วงที่เกิดน้ำท่วมครั้งใหญ่ในรัฐควีนสแลนด์ พื้นที่ภาคเหนือของออสเตรเลีย
รายงานเจาะลึกว่า นายสตีฟ และนางชารอนพ่อและแม่ของเด็กชายเจเรมี โดเบิ้ล วัย 5 ขวบ หนูน้อยผู้เคราะห์ร้าย ทำธุรกิจนำเที่ยวชมจระเข้ ทางตอนเหนือของรัฐควีนสแลนด์ ทั้งสองทำใจได้กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ว่าเป็นเคราะห์ร้ายของลูก และเป็นสัญชาตญาณของจระเข้ตัวนี้ ซึ่งเป็นตัวผู้จ่าฝูงในพื้นที่ จึงแจ้งกับเจ้าหน้าที่ว่า ไม่ต้องฆ่าทิ้งจระเข้ที่เขมือบลูกชายตัวนี้ หลังจากจับมันได้ โดยให้ส่งไปอยู่สวนสัตว์แทน
เจ้าหน้าที่ตั้งชื่อจระเข้ว่า โกลดี้ มีความยาว 4.2 เมตร ช่วงก่อนเกิดเหตุ 12 วัน มีผู้พบเห็นว่ายน้ำอยู่แถวบ้านของเด็ก และหลังจากเกิดเหตุไม่นาน ตำรวจจับมันได้ เมื่อตรวจสอบด้วยกล้องพิเศษ พบว่ามีชิ้นส่วนร่างของหนูน้อยอยู่ในท้องของมัน โดยก่อนหน้านี้ ด.ช.ไรอัน พี่ของเหยื่อเล่าว่า วันที่ 8 ก.พ.
ตนกับน้องกำลังเล่นอยู่ใกล้บริเวณบ้าน ติดกับป่าโกงกาง เมื่อเห็นจระเข้ว่ายน้ำใกล้เข้ามา น้องเดินตามลูกสุนัขลงไปในน้ำและพยายามไล่มันกลับขึ้นฝั่ง แต่จู่ๆ น้องก็ผลุบหายลงน้ำ ซึ่งจระเข้ว่ายอยู่ตรงนั้น
รายงานระบุว่า จำนวนจระเข้ในพื้นที่ดังกล่าวเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ภายใต้กฎหมายคุ้มครองสัตว์ปี 2514 ที่กำหนดว่า ให้ฆ่าจระเข้เฉพาะที่เป็นภัยกับมนุษย์ได้ แต่ก่อนอื่นต้องหารือกับผู้เชี่ยวชาญจับจระเข้ก่อน
ซึ่งชาวบ้านในพื้นที่กล่าวว่า หลังจากสตีฟ เออร์วิน พรานจระเข้คนดังของโลกเสียชีวิตไป ทำให้การควบคุมจระเข้ยากกว่าเดิม โดยในช่วงเดือนนี้ที่เกิดน้ำท่วม ทำให้มีจระเข้หลุดเข้ามาในชุมชน หลายตัวถูกรถทับทั้งเจ็บและตาย