เมื่อวันที่ 19 ก.พ. นายปรีชา กมลบุตร ผวจ.พระนครศรีอยุธยา นายเมธาดล วิจักขณะ ผอ.อุทยานประวัติศาสตร์พระนครศรีอยุธยา พ.ต.อ.สมบัติ ชูชัยยะ ผกก.สภ.พระนครศรีอยุธยา เข้าตรวจสอบพระพุทธรูปภายในวิหารลาย วัดพระศรีสรรเพชญ์ จ.พระนครศรีอยุธยา
ที่รปภ.อ้างว่าหายไปเมื่อวันที่ 18 ก.พ.ที่ผ่านมา เพื่อดูให้แน่ชัดว่าการหายไปของตัวองค์พระพุทธรูปนั้นจริงหรือไม่ พบว่ามีร่องรอยการเคลื่อนย้ายสิ่งที่อยู่ที่ฐานองค์พระออกไปจริง แต่คนงานของอุทยานประวัติศาสตร์พระนครศรีอยุธยา อ้างว่าเป็นผู้ที่เคลื่อนย้ายออกไป แต่สิ่งที่อยู่บนฐานองค์พระนั้นเป็นก้อนอิฐที่วางรวมกัน 3 ชั้น ซึ่งนักท่องเที่ยวชาวต่างชาตินำมาวางรวมกันตามความเชื่อในการต่อดวงชะตา โดยเคลื่อนย้ายออกไปเมื่อ 3 วันที่ผ่านมา แต่ไม่ได้แจ้งให้เจ้าหน้าที่ทราบ แต่จากการตรวจสอบที่ฐานองค์พระกลับพบความแปลก ตรงที่ว่าตำแหน่งที่หินวางอยู่ตามที่คนงานกล่าวอ้างนั้น ไม่ตรงกับจุดที่ตั้งฐานขององค์พระ เพราะมีร่องรอยสิ่งของทับเป็นรูปวงรี คล้ายกับตัวองค์พระวางอยู่และถูกยกออกไป
นายเมธาดลกล่าวว่า
ส่วนองค์พระพุทธรูปที่ว่าหายไปนั้น ตามหลักฐานองค์พระไม่มี มีเพียงส่วนฐานเท่านั้น เป็นการเคลื่อนย้ายอิฐ ที่เกิดจากการนำมาวางของนักท่องเที่ยว ไม่มีองค์พระมาตั้งแต่ปี 2543 รวมทั้งเศียรพระก็ไม่มีด้วยเช่นกัน การที่เจ้าหน้าที่อุทยานประวัติศาสตร์ไปแจ้งความเพราะมีรายงานว่าส่วนองค์พระหายไปเพียงต้องการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจไปตรวจสอบ หลังจากตรวจสอบแล้วจึงพบว่าเจ้าหน้าที่รักษาความสะอาดทั้ง 3 คนได้รับคำสั่งจากหัวหน้ากลุ่มงานให้มาขนอิฐที่นักท่องเที่ยวนำมาเรียงต่อเป็นชั้นๆ เพราะมีความเชื่อว่าเป็นการต่ออายุแล้วนำจีวรมาห่ม จึงให้เจ้าหน้าที่นำออกไป เป็นความเข้าใจผิดของเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย
นายปรีชากล่าวว่า
ได้รับการยืนยันจากผอ.อุทยานประวัติศาสตร์ ว่าเป็นการเข้าใจผิด ตัวองค์พระไม่มี ดังนั้นจึงไม่มีวัตถุโบราณหายไป และขอชมเชยสื่อมวลชนที่ช่วยกันดูแลสมบัติของชาติ ซึ่งตนสั่งให้เร่งสำรวจพระพุทธรูปภายในโบราณสถานทุกแห่ง อาทิ โบราณสถานวัดพระศรีสรรเพชญ์ วัดมหาธาตุ วัดไชยวัฒนาราม โบราณสถานกลุ่มอโยธยา กลุ่มวัดกุฎีดาว และอีกหลายพื้นที่ พร้อมจัดทำทะเบียนให้เป็นปัจจุบัน เพื่อป้องกันความสับสนของนักท่องเที่ยวที่เกรงว่าจะเกิดการสูญหาย อีกทั้งโบราณวัตถุทุกชิ้นที่อยู่ในโบราณสถานไม่ว่าจะเก่าหรือใหม่ ถือว่าเป็นสมบัติของชาติที่ทุกคนต้องอนุรักษ์