นายกฯแดนจิงโจ้ระบุไฟป่าในรัฐวิคตอเรียที่มีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บจำนวนมากเป็นการสังหารหมู่ สั่งตำรวจเร่งสอบสวนและล่ามือเพลิงจุดไฟเผาป่าแล้ว เตรียมโทษจำคุกตลอดชีวิตไว้รอ ขณะเดียวกันก็ส่งฟ้องศาลไป 2 รายก่อนหน้านี้ในรัฐนิวเซาธ์ เวลส์ รัฐเพื่อนบ้านในประเทศออสเตรเลีย
สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากเมืองวิตเติลซีประเทศออสเตรเลียเมื่อวันที่ 9 ก.พ. ว่า นายกรัฐมนตรีเควิน รัดด์ ของออสเตรเลีย
ให้สัมภาษณ์โทรทัศน์ท้องถิ่นเกี่ยวกับเหตุไฟป่าที่เกิดขึ้นในรัฐวิกตอเรียว่า ไม่มีคำใดที่จะมาบรรยาย ได้เกินไปกว่าคำว่า สังหารหมู่ เพราะตัวเลขผู้เสียชีวิตที่สูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยตัวเลขล่าสุดขณะรายงานข่าวนั้นอยู่ที่ 131 ศพแล้ว ขณะที่สื่อมวลชนท้องถิ่นระบุว่า อาจสูงถึง 170 ศพ ก็เป็นได้ บ้านเรือนราษฎรเสียหายไปในกองเพลิงแล้วกว่า 750 หลังคาเรือน และบาดเจ็บสาหัส 78 คน ขณะนี้พักรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาล ซึ่งแพทย์ผู้ทำการรักษาระบุว่า คนไข้บางคนมีบาดแผลไฟไหม้เกินกว่า 30% และบางคนเจ็บสาหัสมากกว่าครั้งระเบิดที่บาหลีเมื่อปี 2545 ด้วย
นายกรัฐมนตรีออสเตรเลียยังกล่าวอีกว่า คงต้องใช้เวลาอีกหลายปีกว่าจะฟื้นฟูพื้นที่ของเมืองหลายเมืองที่ต้องจมทะเลเพลิงของไฟป่าครั้งนี้
ซึ่งทางรัฐบาลออสเตรเลียก็ได้อนุมัติโครงการช่วยเหลือเป็นมูลค่า 10 ล้านดอลลาร์ออสเตรเลีย หรือประมาณ 238 ล้านบาท พร้อมกับสั่งให้กองทัพเข้าไปช่วยเหลือในการสร้างที่พักชั่วคราวให้กับผู้ประสบภัยแล้ว รายงานข่าวระบุว่า ไฟป่าที่ลุกโหม กระหน่ำมาตั้งแต่วันเสาร์ที่ 7 ก.พ.ที่ผ่านมา ในหลายเมืองของรัฐวิกตอเรีย ทำลายสิ่งปลูกสร้างและพื้นที่ตลอดเส้นทาง มีคนตายเพราะติดอยู่ ในรถขณะพยายามหนีไฟ หรือไม่ก็ต้องนอนกอดกันตายในกองเพลิงภายในบ้านที่ถูกไฟเผาผลาญ เช่น รายของอดีตผู้ประกาศข่าวของเครือข่ายสถานีโทรทัศน์ เซเว่น แอนด์ ไนน์ คือ นายไบรอัน เนย์เลอร์ วัย 78 ปี เสียชีวิตพร้อมภรรยาอยู่ภายในบ้านพักที่เมืองคิงเลคของรัฐวิกตอเรียจากไฟป่าที่ลุกโหมกระหน่ำสูงเท่ากับตึก 4 ชั้นและกินอาณาบริเวณกว้าง 40 กม. เป็นอย่างน้อย เพราะกระแสลมช่วยพัดโหมให้ไฟป่าลามไปอย่างรวดเร็ว
สำหรับไฟป่าถือว่าเป็นภัยธรรมชาติ ที่เกิดขึ้นประจำในประเทศออสเตรเลีย ประกอบกับปีนี้อากาศแล้งจัดและป่าตามพุ่มไม้ก็แห้งแล้ง จึงกลายเป็นเชื้อเพลิงอย่างดีเมื่อเกิดไฟป่า
ส่วนที่รัฐควีนส์แลนด์ทางเหนือของประเทศ ก็เผชิญทั้งไฟป่าและน้ำท่วม จึงเป็นกระแสกดดันที่บีบให้นายกรัฐมนตรีเควิน รัดด์ ต้องประกาศนโยบายใหม่ว่าด้วยสภาพอากาศของประเทศในเดือนพ.ค.ที่จะถึงนี้ ซึ่งบรรดานักการเมืองแนวอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมก็จะยกเหตุผลเกี่ยวกับความแปรปรวนอย่างรุนแรงของสภาพอากาศ มากดดันนายกรัฐมนตรีให้กำหนดนโยบายในเรื่องนี้อย่างเด็ดขาด และนักวิทยาศาสตร์ในออสเตรเลียก็ระบุด้วยว่า ออสเตรเลียเป็นอีกประเทศหนึ่งที่ได้รับผลกระทบรุนแรงจากภาวะโลกร้อน
ตำรวจออสเตรเลียแถลงว่า ได้แจ้งข้อหาผู้ต้องสงสัย 2 คน ฐานวางเพลิงจนทำให้เกิดไฟป่ารุนแรงอยู่ในขณะนี้
รายแรกเป็นชายวัย 31 ปี โดยถูกตั้งข้อหาว่าจุดไฟเผาป่าวอดวายไป 1,237.5 ไร่ เมืองพีทส์ ริดจ์ รัฐนิวเซาท์เวลส์ มีกำหนดนำตัวส่งฟ้องศาลเมื่อวันจันทร์ที่ 9 ก.พ. ที่ผ่านมา ส่วนอีกคนเป็นเด็กชายวัย 15 ปี ถูกตั้งข้อหาว่าจุดประทัดแล้วทำให้ป่าละเมาะบนภูเขาบลูเมาเท่นส์ใกล้กับเมืองซิดนีย์รัฐนิวเซาท์เวลส์ เกิดไฟไหม้เมื่อวันอาทิตย์ที่ 8 ก.พ.ที่ผ่านมา หลังสั่งฟ้องแล้วได้รับประกันตัวออกมาสู้คดี ซึ่งกำหนดเริ่มการพิจารณาคดีในเดือน มี.ค. แต่การจุดไฟเผาป่าทั้งสองรายนี้ ไม่ได้ทำให้มีผู้เสียชีวิต แต่ตำรวจตั้งข้อสันนิษฐานว่า อาจจะเป็นการวางเพลิง จุดไฟเผาป่าในรัฐวิกตอเรียรัฐเพื่อนบ้านของนิวเซาท์ เวลส์ ซึ่งมีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บจำนวนมาก
นางคริสทีน นิกสัน ผู้บัญชาการตำรวจรัฐวิกตอเรีย กล่าวว่า ขณะนี้ผู้เชี่ยวชาญของตำรวจกำลังตรวจสอบที่เกิดเหตุไฟป่าว่า เป็นคดีอาชญากรรมเนื่องจากมีการเสียชีวิตเกิดขึ้น
ดังนั้นจึงต้องหาหลักฐานมาพิสูจน์ว่า เป็นการจงใจวางเพลิงเพื่อเผาป่าหรือไม่ ซึ่งหากพบ ว่าเป็นการจงใจวางเพลิงจุดไฟเผาป่า จนทำให้มีผู้เสียชีวิตจำนวนมาก ประกอบกับนายกรัฐมนตรีเควิน รัดด์ ระบุว่าเป็นการสังหารหมู่นั้น ผู้กระทำผิดหากศาลตัดสินว่าผิดจริงตามข้อกล่าวหา ก็อาจต้องโทษจำคุกตลอดชีวิต ซึ่งตำรวจกำลังติดตามล่าตัวคนร้ายวางเพลิงเผาป่าอยู่ในขณะนี้ ขณะที่สถาบันอาชญาวิทยาของรัฐบาลออสเตรเลียระบุในรายงานที่นำออกเผยแพร่เมื่อสัปดาห์ที่แล้วว่า ไฟป่าที่เกิดขึ้น 20,000-30,000 ครั้งในแต่ละปีในประเทศออสเตรเลียนั้น ครึ่งหนึ่งของไฟป่าเกิดขึ้นจากการจงใจจุดไฟเผาป่า.