ผู้สื่อข่าวรายงานวันนี้ (9 ก.พ.) ว่า เมื่อเร็วๆ นี้ นางธาริษา วัฒนเกส ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กล่าวปาฐกถาพิเศษถึงเศรษฐกิจไทย
ในงานรับประทานอาหารกลางวันร่วมกับทูตยุโรป ว่า ภาวะเศรษฐกิจไทยในปีที่ผ่านมา ขยายตัวร้อยละ 3.6 จากแรงส่งในไตรมาส 1-3 แต่ไตรมาสที่ 4 เศรษฐกิจไทยชะลอตัวลงตามภาวะการส่งออกที่โตลดลงเหลือร้อยละ 9.4 เพราะสินค้าส่งออกประเภทชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ และ สินค้าอุตสาหกรรมชะลอลง
นางธาริษา กล่าวต่อว่า ภาวะเศรษฐกิจไทยในปี 2552 ธปท. คาดการณ์ว่า จะมีอัตราการขยายตัวอยู่ในช่วงร้อยละ 0-2
และ เพิ่มเป็นร้อยละ 2-4 ในปี 2553 ซึ่งขึ้นอยู่กับการฟื้นตัวของภาวะเศรษฐกิจโลกและความเชื่อมั่นของนานาประเทศ จะกลับฟื้นมาเร็วเพียงใด การฟื้นตัวของเศรษฐกิจจะช่วยฟื้นการบริโภคในประเทศให้กลับคืนมา ซึ่งกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) ประเมินว่าเศรษฐกิจโลกยังชะลอตัวต่อเนื่อง และเศรษฐกิจในเอเซียหลายประเทศจะติดลบ
ผู้ว่าการ ธปท. กล่าวว่า เศรษฐกิจไทยยังมีอัตราการขยายตัวท่ามกลางมรสุม เนื่องจากมีแรงขับเคลื่อนจากการบริโภคในประเทศ
หลังจากที่ ธปท. ใช้นโยบายการเงินแบบผ่อนคลาย อัตราดอกเบี้ยต่ำ โดยดอกเบี้ยนโยบายอยู่ที่ร้อยละ 2 ซึ่งช่วยสนับสนุนให้เอกชนมีต้นทุนการผลิตที่ต่ำลง และการดำเนินนโยบายทางการเงินของ ธปท. จะช่วยสนับสนุนการเติบโตของเศรษฐกิจ ส่วนทางนโยบายการคลัง รัฐบาลยังสามารถกู้เงินเพิ่มมาใช้ในการกระตุ้นเศรษฐกิจ เนื่องจากหนี้สาธารณะยังอยู่ในเกณฑ์ต่ำ ที่ร้อยละ 37 ของจีดีพี
ผู้ว่าการ ธปท. กล่าวด้วยว่า ประเทศไทยหลังเผชิญปัญหาวิกฤติเศรษฐกิจในปี 2540 มีการปรับปรุงโครงสร้างทางเศรษฐกิจให้มีความแข็งแกร่ง แต่การชะลอตัวของเศรษฐกิจโลกจะลงลึกและยาวนานแค่ไหน ไม่มีใครทราบ ดังนั้นจึงจำเป็นที่ประเทศไทยต้องรับมือผลกระทบที่จะเกิดขึ้นต่อเนื่อง และเตรียมพร้อมไว้หากเศรษฐกิจโลกฟื้นตัวเร็วกว่าที่คาด