เหลือเชื่อ!ผลโพลเด็ก-เยาวชนไทยให้ความสำคัญวันมาฆะฯมากกว่าวาเลนไทน์

เอแบคโพลชี้เด็ก-เยาวชนไทยตั้งใจ ลด-ละ เลิกอบายมุข ทำความดี เข้าวัด ในวันมาฆะบูชา กว่า 1 ใน 3 ให้ความสำคัญวันมาฆะฯมากกว่า"วาเลนไทน์"

ดร.นพดล กรรณิกา  ผู้อำนวยการศูนย์เครือข่ายวิชาการเพื่อสังเกตการณ์และวิจัยความสุขชุมชน (ศูนย์วิจัยความสุขชุมชน) มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ เปิดเผยเมื่อวันที่ 5 กุมภาพันธ์ถึงผลวิจัยเรื่อง ความตั้งใจทำความดีของเด็กและเยาวชนไทยในโอกาสวันมาฆบูชา กรณีศึกษาเด็กและเยาวชนไทยอายุ 12 – 24 ปีในเขตกรุงเทพมหานคร   2,120  ตัวอย่าง ระหว่างวันที่ 2 – 4 กุมภาพันธ์  2552 ผลการสำรวจพบว่า เด็กและเยาวชนไทยในเขตกรุงเทพมหานครร้อยละ 44.5 สามารถระบุได้อย่างถูกต้องว่า วันมาฆบูชาในปีนี้ตรงกับวันจันทร์ที่ 9 กุมภาพันธ์  ขณะที่ไรก็ตามร้อยละ 55.5 ไม่ทราบ

เมื่อจำแนกกลุ่มตัวอย่างออกตามเพศ พบว่า เด็กและเยาวชนที่เป็นหญิงรับรู้รับทราบวันมาฆบูชาปีนี้ตรงกับวันจันทร์ที่ 9 กุมภาพันธ์ 

มากกว่าเด็กและเยาวชนที่เป็นชาย คือร้อยละ 51.5 ต่อร้อยละ 36.2 และพบด้วยว่า เด็กและเยาวชนที่อยู่ในระบบการศึกษารับรู้รับทราบวันมาฆบูชามากกว่าเด็กและเยาวชนที่ไม่ได้เรียนหนังสือคือร้อยละ 45.2 ต่อร้อยละ 33.1 ตามลำดับ  


นอกจากนี้ ผลสำรวจยังพบว่า เด็กและเยาวชนส่วนใหญ่หรือร้อยละ 63.0

ไม่ทราบว่า หลักธรรมคำสอนที่องค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดงในวันมาฆบูชานั้นคือหลักธรรมอะไร หรือตอบมาไม่ถูกต้อง แต่มีอยู่ร้อยละ 37.0 ที่สามารถตอบได้ถูกต้องว่าองค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดงธรรม “โอวาทปาฏิโมกข์”
เมื่อสอบถามถึงความหมายของหลักธรรมที่พระพุทธเจ้าทรงแสดงในวันมาฆบูชาคือโอวาทปาฏิโมกข์นั้นพบว่า เพียงร้อยละ 22.0 สามารถระบุได้อย่างถูกต้องว่าโอวาทปาฏิโมกข์หมายถึงการทำความดี ละเว้นความชั่ว ทำจิตใจให้บริสุทธิ์  

อย่างไรก็ตาม เมื่อสอบถามถึงกิจกรรมต่างๆที่ตั้งใจจะทำในวันมาฆบูชาที่กำลังจะมาถึงนี้นั้น พบว่า เยาวชนมากกว่าครึ่งหนึ่งคือร้อยละ 62.7 ระบุตั้งใจจะไปทำบุญตักบาตรในวันมาฆบูชาที่จะถึงนี้

รองลงมาคือร้อยละ 42.4 ระบุจะไปร่วมพิธีเวียนเทียน  ร้อยละ 33.3 ระบุจะใช้เวลาอยู่กับครอบครัวของตน  ร้อยละ 24.2 ระบุจะไปทำบุญถวายสังฆทาน และร้อยละ 23.8 ระบุตั้งใจจะทำความสะอาดบ้านเรือน

นอกจากนี้ยังมีกิจกรรมอื่นๆ ที่เยาวชนตั้งใจจะทำในวันมาฆบูชาในปีนี้  อาทิ การบริจาค ทำทานสงเคราะห์ผู้อื่น  ปล่อยนกปล่อยปลา  เข้าวัดฟังธรรม การนั่งสมาธิ เจริญภาวนา  และการช่วยงานชุมชน/สาธารณะ ตามลำดับ

เมื่อสอบถามถึงสิ่งที่ตั้งใจจะ ลด-ละ-เลิกในวันมาฆบูชานั้น พบว่า ร้อยละ 49.6 ระบุตั้งใจจะ ลด-ละ-เลิก   การดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ของมึนเมาทุกชนิด/ไม่สูบบุหรี่ 

รองลงมาคือร้อยละ 48.4 ระบุตั้งใจจะ ลด-ละ-เลิกการยุ่งเกี่ยวกับอบายมุขทุกประเภท/การทำความชั่วทุกอย่าง 

ร้อยละ 15.5 ระบุตั้งใจจะ ลด-ละ-เลิก ความขี้เกียจ/ไม่รับผิดชอบในหน้าที่

ร้อยละ 12.0 ระบุตั้งใจจะ ลด-ละ-เลิกการพูดโกหก 
 
ร้อยละ 10.8 ระบุตั้งใจจะ ลด-ละ-เลิกการพูดจาหยาบคาย 

ส่วนกรณีการให้ความสำคัญระหว่างวันมาฆบูชา กับวันวาเลนไทน์นั้น ผลสำรวจพบว่า เยาวชนเกินกว่า 1 ใน 3 คือร้อยละ 36.1 ระบุว่าให้ความสำคัญกับ “วันมาฆบูชา” มากกว่า ในขณะนี้ร้อยละ 23.5 ระบุให้ความสำคัญเท่ากัน  และร้อยละ 31.6  ไม่ระบุความคิดเห็น ทั้งนี้มีเพียงร้อยละ   8.8 เท่านั้นที่ระบุว่า ให้ความสำคัญกับ “วันวาเลนไทน์”มากกว่า

ะเมื่อสอบถามเด็กและเยาวชน ถึงสิ่งที่ต้องการให้รัฐบาลดำเนินการเพื่อส่งเสริมงานด้านพระพุทธศาสนานั้นพบว่า ร้อยละ 55.3 ระบุต้องการให้มีการรณรงค์ประชาสัมพันธ์ทางสื่อต่างๆ ถึงเรื่องราวเกี่ยวกับพระพุทธศาสนา อาทิ การจัดแสดงธรรม การแสดงนิทรรศการเกี่ยวกับพระพุทธศาสนาให้มากขึ้น 

รองลงมาคือร้อยละ 28.3 ระบุส่งเสริมให้ประชาชนมีโอกาสได้จัดกิจกรรมทางศาสนาร่วมกัน อาทิ การร่วมทำบุญตักบาตร เวียนเทียน 

ร้อยละ 20.3  ระบุส่งเสริมให้เยาวชนเข้าวัดฟังเทศน์ /ให้นักเรียนนักศึกษาได้มีโอกาสเรียนรู้เรื่องพระพุทธศาสนาในสถานศึกษาให้มากขึ้น 

ร้อยละ 14.0 ระบุจัดสรรงบประมาณเพื่อทำนุบำรุงพุทธศาสนาในทุกด้าน /บูรณะ-ปฏิสังขรณ์ศาสนสถาน 

ร้อยละ 5.2 ปลูกจิตสำนึกให้คนไทยตระหนักในเรื่องบาป บุญ คุณโทษ  และอื่นๆ อาทิ เข้มงวดในเรื่องการผิดวินัยสงฆ์/ปิดสถานบริการ-สถานบันเทิงทุกประเภทในวันสำคัญทางศาสนา  เป็นต้น

ผอ.ศูนย์วิจัยความสุขชุมชนกล่าวว่า ผลสำรวจครั้งนี้น่าจะเป็นการยืนยันได้อีกครั้งว่า เด็กและเยาวชนส่วนใหญ่ยังมีจิตใจใฝ่ทำความดี

ละเว้นความชั่วตามหลักธรรมคำสอนของพระพุทธศาสนาในวันมาฆบูชา เพียงแต่ว่าการรับรู้ต่อวันสำคัญทางศาสนาอยู่ในกลุ่มจำกัดของเด็กและเยาวชนหญิงมากกว่าชาย เด็กในระบบการศึกษามากกว่าเด็กที่ไม่เรียนหนังสือ ดังนั้น ข้อเสนอแนะคือ กลุ่มบุคคลนัยสำคัญของพวกเขา เช่น พ่อแม่ ผู้ปกครอง ครูอาจารย์ กลุ่มผู้ใหญ่ในสังคมระดับชุมชนและระดับประเทศน่าจะใช้โอกาสวันมาฆบูชาปีนี้และทุกๆ วันสร้างการรับรู้และทำให้ความตั้งใจใฝ่ทำความดีของเด็กและเยาวชน บรรลุเป็นพฤติกรรมสร้างสรรค์ที่ดีงามในสังคมให้ได้ ด้วยการเป็นตัวอย่างที่ดี ประพฤติปฏิบัติตนอยู่ในครรลองครองธรรม ด้วยการจัดสร้างบรรยากาศสภาพแวดล้อมของการทำความดีให้เกิดขึ้นรอบตัวเด็กและเยาวชน

เครดิต :
เครดิต :เนื้อหาข่าว คุณภาพดี หนังสือพิมพ์มติชน


ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์