9 ชนิดเหรียญกษาปณ์ชุดใหม่ เตรียมหมุนเวียนให้ปชช.ใช้แล้ว ชูเหรียญ 2 บาทสีทองเริ่มใช้ 3 ก.พ.

"กรมธนารักษ์"ออกเหรียญกษาปณ์หมุนเวียน 9 ชนิด เกือบ 2 พันล.เหรียญ อ้างลดต้นทุน เผยยังใช้หยอดจ่ายค่ารถไฟฟ้า-รถใต้ดินไม่ได้

นพ.พฤฒิชัย ดำรงรัตน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง ให้สัมภาษณ์เมื่อวันที่ 2 กุมภาพันธ์ ว่า ปี 2552 กรมธนารักษ์ตั้งเป้าหมายจะออกเหรียญกษาปณ์หมุนเวียนชุดใหม่ 9 ชนิดราคา รวม 1,956 ล้านเหรียญ ประกอบด้วย เหรียญ 2 บาทรุ่นใหม่ ที่มีสีทอง 240 ล้านเหรียญ จะเริ่มใช้ตั้งแต่วันที่ 3 กุมภาพันธ์นี้ ส่วนเหรียญ 1 บาท ตั้งเป้าหมายผลิตใหม่ 960 ล้านเหรียญ คาดว่าเริ่มนำออกมาใช้ได้ในเดือนกันยายน โดยขณะนี้อยู่ระหว่างขั้นตอนการประกวดราคา ส่วนเหรียญ 5 บาท จะผลิตใหม่ 276 ล้านเหรียญ เริ่มใช้ในเดือนเมษายน เหรียญ 10 บาท ผลิตใหม่ 120 ล้านเหรียญ เริ่มใช้ในเดือนมิถุนายน ขณะที่เหรียญ 50 สตางค์ ผลิตใหม่ 180 ล้านเหรียญ และเหรียญ 25 สตางค์ ผลิตใหม่ 216 ล้านเหรียญ คาดว่าจะเริ่มนำมาใช้ได้ในเดือนกุมภาพันธ์นี้

นพ.พฤฒิชัย กล่าวอีกว่า ปัญหาตอนนี้คือ เหรียญรุ่นใหม่ยังไม่สามารถใช้กับเครื่องหยอดเหรียญ

เช่น จ่ายค่ารถไฟฟ้า หรือรถไฟใต้ดินได้ โดยยังอยู่ระหว่างการซักซ้อมความเข้ากับผู้ประกอบการ เพื่อขอให้ปรับระบบเพื่อรองรับรูปแบบเหรียญที่เปลี่ยนแปลงไป เช่น เหรียญ 5 บาท จะมีขนาดเท่าเดิม แต่น้ำหนักจะเบากว่ามาก ขณะที่เหรียญ 50 สตางค์และ 25 สตางค์ จะเปลี่ยนวัสดุจากอะลูมิเนียมบรอนซ์ เป็นไส้เหล็ก ชุบทองแดง จึงทำให้สีของเหรียญ 50 สตางค์ และ 25 สตางค์ เปลี่ยนจากสีทอง เป็นสีทองแดงมากขึ้น 

"สาเหตุที่มีการผลิตเหรียญกษาปณ์ชุดใหม่ครั้งนี้ เพราะต้องการลดต้นทุนการผลิตเหรียญลง เนื่องจากราคาโลหะที่ใช้ผลิตเหรียญกษาปณ์ในตลาดโลกปรับตัวสูงขึ้น และผลจากการปรับซีรีส์เหรียญใหม่ครั้งนี้ ทำให้กรมธนารักษ์สามารถลดต้นทุนการผลิตเหรียญในปี 2552 ได้ถึง 15%" นพ.พฤฒิชัย กล่าว

เครดิต :
เครดิต :เนื้อหาข่าว คุณภาพดี หนังสือพิมพ์มติชน


ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์