แห่เติมน้ำมันก่อนขึ้นราคาพรุ่งนี้ คลังน้ำมันรับโรงกลั่นผลิตไม่ทัน

คนแห่เติมน้ำมันทำปั๊มเกือบทุกแห่งเกลี้ยง อีกหลายปั๊มแทบไม่เหลือน้ำมันขายวันต่อไป ขณะที่ประชาชนต่อคิวยาวเหยียดแต่เช้าตรู่ ขนถัง 200 ลิตรเติมกักตุน บางรายวิ่งข้ามจังหวัดหาที่เติม แต่ผิดหวังเหตุไม่มีน้ำมัน ส่วนคลังน้ำมันหลายแห่งยอมรับโรงกลั่นผลิตไม่ทัน เหตุความต้องการน้ำมันมากเกินไป

(31ม.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ประชาชนทั่วประเทศแห่นำรถเข้าคิวเติมน้ำมันตามสถานบริการน้ำมัน หลังคณะกก.นโยบายพลังงาน (กบง.) มีมติให้ปรับขึ้นราคาขายปลีกน้ำมันเชื้อเพลิงทุกประเภท ในอัตราลิตรละ 1.55 บาท ยกเว้นอี 85 โดยมีผลพรุ่งนี้(1ก.พ.) นายยรรยง พวงราช อธิบดีกรมการค้าภายใน (คน.) นำคณะออกตรวจสอบสถานีบริการน้ำมัน ย่านปทุมธานี เพื่อตรวจเช็กปริมาณน้ำมัน ก่อนที่ผู้ค้าน้ำมันในประเทศจะมีการปรับราคาขายปลีกน้ำมันอีกลิตรละ 1.55 บาท ในวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2552 โดยยอมรับว่าขณะนี้มีผู้บริโภคเกือบ 100 ราย ร้องเรียนผ่านสายด่วนผู้บริโภค 1569 แจ้งกรณีที่สถานีน้ำมันในหลายจังหวัด เช่น สงขลา เลย อุตรดิตถ์ มีการงดจำหน่ายน้ำมัน โดยอ้างว่าไม่มีน้ำมัน ทำให้ประชาชนได้รับความเดือดร้อน ในเรื่องนี้นางพรทิวา นาคาศัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่กรมการค้าภายในทั่วประเทศ ออกตรวจสอบสถานีน้ำมันอย่างเร่งด่วน

ส่วนผลการตรวจสอบสถานีน้ำมัน โดยเฉพาะในกรุงเทพฯ และปริมณฑล พบว่ามีปริมาณเพียงพอแก่ผู้ที่มาใช้บริการ แต่อาจจะมีบางจังหวัดที่ประชาชนวิตกว่าราคาน้ำมันจะสูงขึ้น โดยได้นำถังขนาด 200 ลิตร มาเติมและกักตุนไว้ และมีอีกหลายวิธีที่อาจทำให้สถานีน้ำมันหลายพื้นที่มีปริมาณไม่เพียงพอ หรืออาจอยู่ระหว่างรถขนส่งน้ำมันจากบริษัทแม่ที่จะขนส่งมายังสถานีบริการน้ำมัน

"ขอเตือนผู้ค้าน้ำมัน แม้มีบางสถานีอาจไม่ได้ตั้งใจหรือตั้งใจ หากพบการกระทำที่เข้าข่ายกักตุน หรือปฏิเสธการจำหน่ายโดยไม่มีเหตุผล เช่น อ้างว่าน้ำมันหมด แต่หากพบว่ามีน้ำมันอยู่ ถือว่าเข้าข่ายผิดกฎหมายว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ มีโทษจำคุก 7 ปี ปรับ 1.4 แสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ หรือหากตรวจพบปริมาณน้ำมันไม่เต็มหัวจ่าย ก็เข้าข่ายโกงทางด้านปริมาณ มีโทษจำคุก 6 เดือน ปรับ 2 หมื่นบาท หรือทั้งจำและปรับเช่นกัน ถือว่าเป็นโทษที่รุนแรง และเท่าที่สอบถามสถานีบริการทั้ง ปตท. บางจาก ซึ่งบริษัทแม่มีการเพิ่มปริมาณน้ำมันให้เพียงพอแล้ว" นายยรรยงกล่าว

ส่วนผลกระทบจากการปรับขึ้นราคาน้ำมันต่อราคาสินค้าอุปโภคบริโภคนั้น นายยรรยงกล่าวว่า จะมีผลกระทบต่อต้นทุนสินค้าร้อยละ 0.01 เท่านั้น เช่น น้ำดื่ม สูงขึ้นร้อยละ 0.06 เส้นหมี่ ร้อยละ 0.011 โดยกลุ่มสินค้าที่ได้รับผลกระทบมาก ได้แก่ กลุ่มวัสดุก่อสร้าง อะลูมิเนียม และเหล็ก กระทบ ร้อยละ 0.5 กรมการค้าภายในจึงเห็นว่าไม่มีเหตุผลสมควรที่ผู้ค้าจะนำผลกระทบการปรับราคาน้ำมันมาปรับราคาสินค้าเด็ดขาด

ส่วนสถานการณ์ในจังหวัดต่างๆ ทั่วประเทศ หลังรัฐบาลประกาศปรับเพิ่มราคาน้ำมันนั้น ที่ จ. เชียงใหม่ นายคมกริช โกกิระวาที ผู้จัดการปั๊มน้ำมัน ปตท.มช.ตั้งอยู่ในมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ (มช.) กล่าวว่า ภายหลังรัฐบาลประกาศขึ้นราคาน้ำมันมีประชาชนนำรถยนต์ รถจักรยานยนต์มาเติมน้ำมันเป็นจำนวนมาก ส่งผลให้ยอดขายน้ำมันเพิ่มขึ้นกว่าเท่าตัว โดยปกติยอดขายวันละ 1 หมื่นลิตร แต่ช่วง 2 วันที่ผ่านมา ยอดขายเพิ่มขึ้นกว่า 2-3 หมื่นลิตร ทำให้น้ำมันที่มีในสต็อกทั้งแก๊สโซฮอล์ 91-95 และเบนซิน 91 กว่า 2 หมื่นลิตรหมด และไม่สามารถสั่งเพิ่มได้เพราะยอดขายเพิ่มสูงขึ้นผิดปกติ ทำให้คลังน้ำมันไม่สามารถส่งให้ได้

ขณะที่ จ.น่าน ประชาชนจำนวนมากนำรถยนต์ รถจักรยานยนต์เข้าคิวรอเติมน้ำมันในปั๊มทุกแห่ง ทำให้สถานบริการหลายแห่งเริ่มมีน้ำมันไม่เพียงพอ โดยที่สถานีบริการน้ำมัน ปตท.เลขที่ 77/4 ถนนมหายศ ต.ในเวียง อ.เมือง จ.น่าน ราคาน้ำมันจะถูกกว่าปั๊มยี่ห้ออื่นประมาณ 50 สตางค์ ชาวเมืองน่านทั้งในเมืองและต่างอำเภอต่างนำรถไปเติมน้ำมันอย่างเนืองแน่น ทำให้พนักงาน เด็กปั๊มไม่มีเวลาแม้กระทั่งกินข้าว

ส่วนที่ จ.แม่ฮ่องสอน พบว่าชาวบ้านจำนวนมากนำรถทุกชนิดจอดรอคิวเติมน้ำมัน ทำให้ปั๊มน้ำมันหลายปั๊มใน อ.แม่สะเรียง มีปริมาณน้ำมันไม่เพียงพอต่อความต้องการ ขณะที่ปั๊มน้ำมันสุขุม เซอร์วิส ซึ่งเป็นปั๊มน้ำมันใหญ่ที่สุดประจำ อ.แม่สะเรียง มีชาวบ้านนำรถยนต์บรรทุกถังน้ำมันขนาด 200 ลิตร เข้ามาเติมน้ำมัน เพื่อนำไปเก็บเอาไว้ใช้

ด้านนายกองมูล ทะยาน ผู้จัดการปั๊มน้ำมันของ ปตท. ของบริษัท สุขุมเซอร์วิส กล่าวว่า ขณะนี้น้ำมันที่เก็บไว้ในถังใต้ดินเหลือประมาณเพียง 1 หมื่นลิตร และในวันนี้จะมีรถมาส่งอีก 2 หมื่นลิตร อย่างไรก็ตามหากประชาชนพากันนำรถเข้ามาเติมน้ำมันเป็นจำนวนมาก คาดว่าอาจจะทำให้น้ำมันมีไม่เพียงพอต่อความต้องการ

เช่นเดียวกับที่ จ.อุตรดิตถ์ ประชาชนจำนวนมากต่างนำรถเข้าไปเติมน้ำมัน ทำให้ปั๊มน้ำมันหลายแห่งต้องหยุดให้บริการ พร้อมขึ้นป้ายขนาดใหญ่ว่า "น้ำมันหมดทุกชนิด" โดยผู้ประกอบการระบุว่า น้ำมันในสต็อกหมด เนื่องจากตลอดทั้งวันที่ 30 มกราคมที่ผ่านมา ประชาชนต่างนำรถมาเติมน้ำมันเต็มถัง อีกทั้งบางรายยังนำถังขนาด 200 ลิตร ซื้อน้ำมันกักตุนไว้ใช้ ส่งผลให้น้ำมันหมดอย่างรวดเร็ว

ขณะที่ จ.พิษณุโลก ผู้สื่อข่าวรายงานว่า มีชาวนาจากหลายอำเภอพากันขนถังน้ำมันขนาด 200 ลิตร ใส่ท้ายรถปิกอัพเข้ามาเติมน้ำมันดีเซลที่สถานีบริการน้ำมันในเขตตัวเมืองพิษณุโลกและจังหวัดใกล้เคียงจำนวนมาก เนื่องจากปั๊มน้ำมันตามอำเภอรอบนอกปฏิเสธที่จะเติมให้ โดยให้เหตุผลว่า น้ำมันมีไม่พอ ซึ่งรถแต่ละคันขนถังน้ำมัน 200 ลิตรใส่มาจำนวน 4-6 ใบ วิ่งเข้าไปในปั๊มน้ำมัน นอกจากนี้มีผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์หลายรายนำแกลลอนน้ำมัน ขวดน้ำขนาดใหญ่ มาเติมน้ำมันเบนซิน เพื่อกักตุนไว้ด้วย

ที่ จ.ขอนแก่น มีรายงานว่า จากสถานการณ์น้ำมันปรับราคาขึ้น ทำให้ประชาชนใน จ.ขอนแก่นนำรถมารอคิวเติมน้ำมันตั้งแต่ช่วงเช้า ทำให้น้ำมันในปั๊มมีไม่เพียงพอต่อความต้องการ และจากการสำรวจพบว่าน้ำมันดีเซลในปั๊มน้ำมันหลายแห่งเริ่มหมดถัง ไม่เหลือจำหน่ายแก่ประชาชน โดยเฉพาะตามปั๊มน้ำมัน ปตท.ที่ตั้งอยู่ตามจุดต่างๆ ในตัวเมืองขอนแก่น ขณะนี้น้ำมันดีเซลทั้ง บี 2 และ บี 5 หมดถังแล้ว เหลือเพียงน้ำมันเบนซินและแก๊สโซฮอล์เท่านั้น

ส่วนที่บริเวณหน้าคลังน้ำมันของบริษัท ปตท.จำกัด (มหาชน) ถนนมิตรภาพ จ.ขอนแก่น พบว่า รถบรรทุกน้ำมันของบริษัท ปตท.จอดรอคิวกันยาวเหยียด เพื่อรับน้ำมันจากคลังน้ำมัน ปตท.ที่จะส่งมาทางรถไฟในรุ่งเช้าวันที่ 1 กุมภาพันธ์ ก่อนนำไปส่งให้แก่สถานีบริการน้ำมัน ปตท.ที่ตั้งอยู่ตามจุดต่างๆ ใน จ.ขอนแก่นและใกล้เคียง

ส่วนที่ จ.สุรินทร์ ผู้สื่อข่าวรายงานมาว่า ตั้งแต่ช่วงเช้ามืดมีประชาชนนำรถยนต์มาเติมน้ำมันจำนวนมากตลอดทั้งวัน โดยบางรายขับรถบรรทุกขนถังขนาด 200 ลิตรหลายถังมาเติมสำรอง เพื่อกักตุนไว้ แต่ปรากฏว่าทางปั๊มปฏิเสธที่จะขาย พร้อมให้เหตุผลว่าขณะนี้น้ำมันจะไม่เพียงพอต่อการให้บริการประชาชนรายอื่น อย่างไรก็ตามจากปรากฏการณ์ที่ประชาชนนำรถยนต์มาเติมน้ำมันเป็นจำนวนมาก ทำให้แต่ละปั๊มมีปริมาณน้ำมันเหลือน้อยมาก ปั๊มบางแห่งต้องนำป้ายกระดาษมาติด เพื่อแจ้งประชาชนทราบว่าน้ำมันหมด

เช่นเดียวกับที่ จ.นครราชสีมา บรรยากาศตามสถานีบริการน้ำมันต่างๆ พบว่าประชาชนนำรถยนต์และรถจักรยานยนต์ต่อคิวเติมน้ำมัน ขณะเดียวกันมีประชาชนหลายคนนำแกลลอนขนาดใหญ่มาซื้อน้ำมันเพื่อกักตุนไว้ใช้เอง รวมถึงนำไปแบ่งขายใส่ขวดเพื่อหวังเก็งกำไร โดยนางรัตนา รัศมีมงคล ผู้จัดการสถานีบริการน้ำมัน บางจาก ถ.พิบูลย์ละเอียด ต.ในเมือง อ.เมือง จ.นครราชสีมา กล่าวว่า จากการสำรวจปริมาณน้ำมันชนิดต่างๆ ภายในปั๊ม พบว่าปริมาณน้ำมันทุกชนิดเหลือไม่ถึงครึ่งถัง หรือแค่ประมาณ 7,500 ลิตร และคาดว่าปริมาณน้ำมันที่เหลือไม่น่าจะเพียงพอต่อการให้บริการประชาชนอย่างแน่นอน ขณะนี้ปั๊มได้ประสานไปยังบริษัทผู้จำหน่ายน้ำมันเพื่อให้นำน้ำมันมาส่งแล้ว

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ จ.สงขลา นายไสว วงศ์วรชาติ ผู้จัดการคลังปิโตรเลียมสงขลา กล่าวว่า จนถึงขณะนี้ปริมาณความต้องการน้ำมันเบนซินจากผู้ประกอบการสถานีบริการน้ำมันในพื้นที่ จ.สงขลา รวมถึงภาคใต้ตอนล่างมีเพิ่มสูงขึ้นอย่างมาก เนื่องจากประชาชนนำยานพาหนะออกมาเติมน้ำมัน บางรายถึงกับนำภาชนะเพื่อบรรจุน้ำมันขนาดใหญ่ออกมาซื้อน้ำมันจากปั๊มในปริมาณมากถึง 200 ลิตร ปรากฏการณ์ดังกล่าวทำให้ยอดสั่งซื้อน้ำมันที่มีมายังคลังปิโตรเลียมสงขลาเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว

ผู้จัดการคลังปิโตรเลียมสงขลา กล่าวต่อว่า จากความต้องการน้ำมันที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทำให้โรงกลั่นไม่สามารถผลิตน้ำมัน เพื่อรองรับความต้องการของตลาด แม้ขณะนี้จะยังไม่ถึงขั้นวิกฤติ หรือขาดแคลน แต่ยอมรับว่าปริมาณน้ำมันที่ส่งจากโรงกลั่นมายังคลัง จ.สงขลา รวมถึงคลังในจังหวัดต่างภูมิภาคมีปริมาณที่ลดลงมาก จากภาวะดังกล่าวนอกจากคลังน้ำมันต้องจำกัดโควตาจำหน่ายน้ำมันแก่ผู้ประกอบการแล้ว ยอมรับว่าสถานบริการบางแห่งอาจถูกลดปริมาณ รวมถึงบางรายอาจต้องงดไปเลยก็มี โดยเฉพาะในส่วนของเบนซิน

วันเดียวกัน ที่ จ.สุราษฎร์ธานี พบว่าปั๊มน้ำมันหลายแห่ง บริเวณถนนสายเลี่ยงเมืองเกือบทุกปั๊มมีประชาชนผู้ใช้รถยนต์ทยอยมาเติมน้ำมันเต็มถังเกือบทุกคัน นอกจากนี้บางรายยังนำถังบรรจุน้ำมันใส่ท้ายรถกระบะมาเติมน้ำมันเพื่อสำรองไว้อีกด้วย ทำให้ปั๊มหลายแห่งเริ่มมีน้ำมันไม่เพียงพอ พร้อมแนะนำให้ลูกค้าไปเติมปั๊มอื่นแทน

ที่ จ.ยะลา พบว่าประชาชนต่างนำรถยนต์ รถจักรยานยนต์มาเติมน้ำมันอย่างคึกคัก ส่งผลให้สถานีบริการหลายแห่งมีรถเข้าคิวยาวเหยียด โดยเฉพาะที่ปั๊ม ปตท.บริเวณวงเวียนหอนาฬิกา เทศบาลนครยะลา มีประชาชนนำรถเข้าไปเติมน้ำมันแน่นขนัด ส่งผลให้น้ำมันแก๊สโซฮอล์ 95 น้ำมันดีเซล หมดเกลี้ยง เหลือเพียงน้ำมันเบนซิน 91 และ 95 ที่ยังมีจำหน่าย ผู้ประกอบการรายหนึ่ง กล่าวว่า ตลอดทั้งวันนี้มีประชาชนมาเติมน้ำมันอย่างต่อเนื่อง ขณะนี้มีความเป็นห่วงว่าปั๊มอาจไม่มีน้ำมันจำหน่ายเพียงพอไปจนถึงวันที่ 1 กุมภาพันธ์

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันที่ 1 กุมภาพันธ์ ปตท.ปรับขึ้นราคาขายปลีกน้ำมันทุกชนิด ยกเว้นอี 85 อีกในอัตรา 1.55 บาทต่อลิตร อันเนื่องมาจากมาตรการลดภาษีสรรพสามิตน้ำมันเพื่อช่วยเหลือประชาชนจะสิ้นสุดลงในวันที่ 31 มกราคม 2552 และรัฐบาลมีมติให้ปรับขึ้นภาษีสรรพสามิตน้ำมัน รวมถึงการปรับอัตรากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงใหม่ ตั้งแต่วันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2552 เป็นต้นไป

ทั้งนี้ราคาน้ำมันในเขตกรุงเทพฯและปริมณฑล จะเป็นดังนี้ แก๊สโซฮอล์ อี 85 (พีทีที อี85 พลัส) 14.29 บาทต่อลิตร น้ำมันแก๊สโซฮอล์ อี 20 (พีทีที อี20 พลัส) 19.14 บาทต่อลิตร น้ำมันแก๊สโซฮอล์ 95 (พีทีที แก๊สโซฮอล์ พลัส 95) 20.44 บาทต่อลิตร น้ำมันแก๊สโซฮอล์ 91 (พีทีที แก๊สโซฮอล์ พลัส 91) 19.64 บาทต่อลิตร น้ำมันเบนซิน 91 (พีทีที อัลฟา เอ็กซ์ 91) 25.14 บาทต่อลิตร น้ำมันไบโอดีเซล (พีทีที บี 5 พลัส) 18.39 บาทต่อลิตร และน้ำมันดีเซลหมุนเร็ว (พีทีที เดลต้า เอ็กซ์) 19.89 บาทต่อลิตร


เครดิต :
ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดยหนังสือพิมพ์คมชัดลึก

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์