ผู้นำสหรัฐฯตำหนิตลาดหุ้นวอลสตรีทที่ยังจ่ายเงินโบนัสมากเป็นประวัติการณ์ ทั้งที่ต้องขอรับความช่วยเหลือทางการเงินจากรัฐบาล
(30ม.ค.) ประธานาธิบดีบารัค โอบาม่า กล่าววิจารณ์อย่างรุนแรงเมื่อวันพฤหัสบดี ต่อสิ่งที่เขาเรียกว่าเป็นพฤติกรรมที่น่าละอายใจ และไร้ความรับผิดชอบอย่างที่สุดของตลาดหุ้นวอลสตรีทที่นครนิวยอร์คของสหรัฐ หลังได้รับทราบรายงานจากสำนักงานตรวจบัญชีรัฐนิว ยอร์คว่า เมื่อปีที่ผ่านมา พนักงานและผู้บริหารของบริษัทต่างๆในตลาดหุ้นวอลสตรีท ยังได้รับโบนัสรวม 18,400 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ
(ราวๆ 6 แสน6 หมื่นล้านบาท) ซึ่งเป็นเงินโบนัสก้อนใหญ่สุดเป็นประวัติการณ์ลำดับที่ 6 แม้จะอยู่ในช่วงเกิดวิกฤตทางการเงิน จนรัฐบาลต้องนำเงินภาษีของประชาชนไปช่วยไม่ให้บริษัทเหล่านี้ล้มละลาย
นายโอบามากล่าวหลังการหารือร่วมกับนายทิมอธี่ ไกธ์เนอร์ รัฐมนตรีคลัง ผู้ยืนอยู่ข้างเขาในระหว่างการแถลงข่าวครั้งนี้ เรียกร้องให้ชาววอลสตรีทแสดงออกบ้างว่า
มีความยั้งคิด มีสำนึกรับผิดชอบ และมีวินัย และว่าสาธารณชนคงไม่ชอบใจที่รัฐบาลจะนำเงินภาษีมาช่วยบริษัทการเงินเหล่านี้ให้พ้นจากการขาดทุน เพียงเพื่อที่จะพบว่าพวกเขายิ่งขาดทุนหนักกว่าเดิมเพราะนำเงินที่ได้ไปใช้จ่ายอย่างสุรุ่ยสุร่าย เขากับนายไกธ์เนอร์จะหารือโดยตรงกับบรรดาผู้บริหารของวอลสตรีทในประเด็นนี้ ซึ่งจะเป็นอุปสรรคต่อเสียงสนับสนุนของประชาชนต่อมาตรการแทรกแซงอื่นๆของรัฐบาล ในขณะที่เศรษฐกิจยังคงมีปัญหาหนักยิ่งขึ้น
ปฏิกิริยาในเรื่องนี้ของนายโอบาม่า มีขึ้นหลังจากมีการเผยแพร่รายงานของสำนักงานตรวจบัญชีฯ เมื่อวันพุธว่า
ยอดรวมเงินโบนัสของวอลสตรีท ได้ลดลงจาก 32,900 ล้านดอลลาร์ (ราวๆ 1 ล้าน 1 แสนล้านบาท) ในปี 2550 เหลือ18,400 ล้านดอลลาร์ (ราวๆ 6 แสน 6หมื่นล้านบาท) ในปี 2551 หรือลดลงร้อยละ 40 แล้ว แต่ก็ยังอยู่ในระดับเดียวกับที่เคยได้ช่วงรุ่งเรืองในปี 2547 และยังสูงสุดเป็นประวัติการณ์เป็นอันดับที่ 6 ขณะที่สภาล่างของสหรัฐฯก็เพิ่งอนุมัติผ่านร่างกฏหมายกระตุ้นเศรษฐกิจที่จะต้องใช้เงินภาษีของประชาชมากกว่า 800,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ และได้ส่งต่อไปให้วุฒิสภาแล้ว แต่ทางวุฒิสภากำลังพิจารณาร่างที่จัดทำขึ้นเองอีกฉบับหนึ่งอยู่
ก่อนหน้านี้ โฆษกทำเนียบขาวได้เปิดเผยว่า
นายโอบาม่าได้เคยเตือนไว้ก่อนหน้านี้แล้วว่าบริษัทการเงินที่รับเงินช่วยจากรัฐบาล สม ควรจ่ายเงินโบนัสแบบจำกัด รัฐบาลกำลังศึกษาว่าจะดำเนินการทางกฏหมายได้อย่างไรบ้างในเรื่องนี้ เพราะไม่ว่าจะเป็นรัฐบาลหรือระบบการเงิน ก็คงไม่อาจจะทำสิ่งที่จำเป็น เพื่อสร้างเสถียรภาพให้ระบบการเงินของประเทศได้อีก หากชาวอเมริกันได้รับทราบถึงพฤติกรรมอันเลวร้ายนี้ เพราะเป็นที่ทราบกันดีว่า ปีที่แล้วไม่ใช่ปีที่มีกำไรดีที่สุดเป็นอันดับหกของตลาดหุ้นวอลสตรีท
ขณะเดียวกัน วุฒิสมาชิกคริส ด็อดด์ ประธานคณะกรรมาธิการกิจการธนาคาร การเคหะ และนครบาลของวุฒิสภาสหรัฐฯ ออกมาเรียกร้องให้กระทรวงการคลังหาทางยึดเงินโบนัสดังกล่าวกลับคืนมา โดยระบุว่าหากยังปล่อยให้มีพฤติกรรมเช่นนี้ต่อไป รัฐบาลไม่มีทางได้รับเสียงสนับสนุนจากประชาชน สำหรับมาตรการเฉียบขาดต่างๆที่จำเป็นจะต้องนำมาบังคับใช้เพื่อกอบกู้เศรษฐกิจ