บอร์ดกฟผ.อนุมัติ กู้เงิน5หมื่นล้าน เสริมสภาพคล่อง

บอร์ด กฟผ.ไฟเขียวออกพันธบัตรเงินกู้ 5 หมื่นล้าน เพื่อการลงทุน-เสริมสภาพคล่อง พร้อมกำชับฝ่านบริหารระมัดระวังค่าใช้จ่าย ลดต้นทุนการดำเนินงาน

 นายพรชัย รุจิประภา ปลัดกระทรวงพลังงาน ในฐานะประธานคณะกรรมการการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) กล่าวว่า คณะกรรมการ (บอร์ด) กฟผ. ได้อนุมัติให้ออกพันธบัตรเงินกู้จำนวน 5 หมื่นล้านบาท โดยจะเสนอขอความเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรี (ครม.) เร็วๆ นี้ ทั้งนี้ วงเงินดังกล่าวจะนำไปใช้ลงทุน 3 หมื่นล้านบาท ส่วนอีก 2 หมื่นล้านบาท จะใช้สำหรับเสริมสภาพคล่องภายหลังรับภาระค่าไฟฟ้าโดยอัตโนมัติ (เอฟที) วงเงิน 20,967 ล้านบาท

 นอกจากนี้ คณะกรรมการได้สั่งการให้ กฟผ.ทวงหนี้ต่างๆ ให้เร็วขึ้น เช่น หนี้ค่าไฟฟ้าของ กฟภ.ที่มีภาระจากมาตรการ 6 เดือนลดค่าครองชีพ รวม 7,000 ล้านบาท ที่ กฟภ.ได้เงินชดเชยจากรัฐ ขณะนี้มีการชำระหนี้ให้ กฟผ.เพียง 2 เดือนแรกเท่านั้น และได้กำชับให้ กฟผ.ระมัดระวังค่าใช้จ่ายด้านต่างๆ โดยให้บริหารแบบมีประสิทธิภาพสูงสุด ให้ลดต้นทุนการดำเนินการ แต่ไม่ลดค่าใช้จ่ายการพัฒนาบุคลากร เพราะต้องเตรียมไว้ให้พร้อมรับกรณีเศรษฐกิจขยายตัวในอนาคต โดยอัตราการเติบโตของรายได้ กฟผ.ลดลงเป็นผลมาจากเศรษฐกิจชะลอตัวและอากาศหนาวเย็น ทำให้การใช้ไฟฟ้าชะลอลงจนบางช่วงไม่มีอัตราเติบโต

 โครงการที่ใช้เงินลงทุนประจำปี 2552 ได้แก่ โครงการโรงไฟฟ้าพลังความร้อนร่วมพระนครเหนือชุดที่ 1 วงเงิน 4,166 ล้านบาท โครงการโรงไฟฟ้าบางปะกง ชุดที่ 5 วงเงิน1,438 ล้านบาท โรงไฟฟ้าพลังน้ำท้ายเขื่อนชลประทาน 6 แห่ง ได้แก่ เขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ เขื่อนขุนด่านปราการชล เขื่อนนเรศวร เขื่อนแควน้อย เขื่อนเจ้าพระยา และเขื่อนแม่กลอง วงเงินรวม 1,173 ล้านบาท  โครงการปรับปรุงโรงไฟฟ้าพลังน้ำขนาดเล็กของ กฟผ. 5 แห่ง วงเงิน 465 ล้านบาท โครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ 6 ล้านบาท โรงไฟฟ้าพลังงานลม 77 ล้านบาท ที่เหลือเป็นโครงการลงทุนขยายและเชื่อมโยงระบบสายส่งไฟฟ้า ประมาณ 1.4 หมื่นล้านบาท