รพ.แถลงโต้ฆ่าหมา

ผู้บริหารร.พ.บำราศนราดูรแถลงโต้ กรณีโดนแฉร.พ.ไล่ฆ่าสุนัขจรจัดในพื้นที่

ระบุร.พ.มีปัญหากระทบกระทั่งกับพวกรักสัตว์มาตลอด เพราะมีคำสั่งห้ามเอาอาหารมาเลี้ยงสุนัขในร.พ. ยันต้องเดินหน้าผลักดันสุนัขที่เหลืออีก 3 ตัว ออกไปให้หมด เพราะสถานที่ราชการต้องไม่เลี้ยงสุนัข เกรงประชาชนไม่พอใจที่เห็นสุนัขเพ่นพ่านด้วย โต้กลับหนังสุนัขที่ห้อยประจานหน้าร.พ.นั้น แท้จริงเป็นแค่หนังแพะ พวกวินจยย.เอามาตากแดดไว้จะเอาไปทำกลอง ทางด้าน"โรเจอร์ โลหนันท์" แฉซ้ำ ร.พ.มีปัญหากับสุนัขมาหลายปีแล้ว เตรียมส่งหนังสือด่วนถึงผู้บริหารสธ. ระงับการฆ่าสุนัข

จากกรณีมีกลุ่มคนรักสัตว์ร้องเรียนร.พ.บำราศนราดูร จ.นนทบุรี มีปัญหาสุนัขและแมวจรจัดเพ่นพ่านในร.พ. แล้วเลือกวิธีแก้ปัญหาด้วยการฆ่าทิ้ง ล่าสุดถึงกับมีหนังสุนัขมาแขวนไว้บนต้นไม้หน้าร.พ.ด้วย โดยกลุ่มคนรักสัตว์ระบุว่า ตอนนี้เหลือสุนัขเดนตายชื่อ โค้ก เพียงตัวเดียวที่หนีรอดจากการไล่ล่ามาได้ ตามข่าวที่ปรากฏไปแล้วนั้น


เมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 12 ก.ค. ที่โรงพยาบาลบำราศนราดูร อ.เมืองนนทบุรี น.พ.ศิริชัย เลี้ยงอักษร รองผู้อำนวยการฝ่ายอำนวยการโรงพยาบาลบำราศนราดูร

เปิดแถลงข่าวกรณีกลุ่มคนผู้รักสัตว์ ออกมากล่าวหาโรงพยาบาลบำราศนราดูร กระทำการทารุณกรรมสุนัขจรจัดที่อยู่ในโรงพยาบาล โดยฆ่าทิ้งสุนัข รวมทั้งแมวที่อาศัยอยู่ภายในโรงพยาบาลจนแทบจะไม่เหลือ และยังนำเอาหนังสุนัขมาตากไว้บนต้นไม้ที่หน้าโรงพยาบาลด้วยว่า จริงๆ แล้วบุคคลที่ชื่อ "วณี" ตนไม่เคยรู้จักเลย แต่จะรู้จักกับบุคคลที่ชื่อ "ณัฐมน" ที่ขี่รถจักรยานนำเอาอาหารมาให้สุนัข หลังจากนั้นก็ได้มีการเรียกมาพูดคุยหลายระดับด้วยกัน ไม่ใช่ตนคนเดียว


คือคุยตั้งแต่ระดับเจ้าหน้าที่ จนขั้นสุดท้ายเขาจะขอเข้าพบผู้อำนวยการ ตนจึงได้อธิบายไปว่ามันเป็นระเบียบห้ามบุคคลภายนอกนำเอาอาหารเข้ามาให้สุนัขที่อยู่ภายในโรงพยาบาล ก็ได้ขอร้องเขาไป ส่วนเรื่องที่ตนทำหนังสือชี้แจงต่อสำนักนายกรัฐมนตรีนั้น ได้มีการทำหนังสือชี้แจงจริง ก็ได้แจ้งข้อมูลเหมือนกันแบบนี้ เหตุการณ์ ณ วันนี้ กับเหตุการณ์ที่ตอนแจ้งสำนักนายกรัฐมนตรียังคงเป็นเหตุการณ์เดียวกัน ไม่ได้มีอะไร ไม่ได้ทำอะไรทั้งสิ้น เหตุการณ์ยังเหมือนเดิม นอกจากเรื่องหนังแพะที่ห้อยอยู่หน้าโรงพยาบาลเท่านั้นเอง

รองผอ.ร.พ.บำราศนราดูร กล่าวต่อว่า พอมีการร้องเรียนทางเว็บไซต์ของสำนักนายกรัฐมนตรี ทางเจ้าหน้าที่ก็รวมตัวกัน ไม่ยอมให้ผู้หญิงคนนั้นเอาอาหารมาให้สุนัข ก็เลยเกิดเรื่องกระทบกระทั่งกัน ตรงนี้ทางผู้บริหารเราไม่ทราบ จนกระทั่งเมื่อเช้าที่มีข่าวออกมา ทางเราก็ได้มีการถามว่าเกิดอะไรขึ้น ทีนี้ความหวังดีของเขามันก็เลยเกิดเรื่องใหญ่โต ทำรุนแรงถึงขนาดเอาสุนัขออกไปถ่ายรูปทำข่าว แต่เรามีหน้าที่ชี้แจง ก็ชี้แจงข้อเท็จจริงไป

"ส่วนเรื่องแมวนั้น ผมขอยืนยันเลยว่าไม่ได้มีการฆ่าแต่อย่างใด เพราะแมวสร้างความเดือดร้อนให้กับทางโรงพยาบาลน้อยมาก อยากจะให้มาดูตอนกลางคืนจะเห็นว่ามีแมวเข้ามาหลายตัวอยู่เหมือนกัน" น.พ.ศิริชัยกล่าว

ผู้สื่อข่าวถามว่า จะดำเนินการอย่างไรกับสุนัขที่เหลืออยู่ รวมทั้งเจ้าโค้ก ที่ฝ่ายร้องเรียนระบุว่าเป็นสุนัขเดนตาย เหลือรอดชีวิตในร.พ.เพียงตัวเดียว น.พ.ศิริชัย กล่าวว่า หลังจากนี้คงต้องดำเนินการผลักดันสุนัขที่เหลืออยู่ตอนนี้มีประมาณ 3 ตัว รวมทั้งสุนัขที่ชื่อโค้กออกไป เพราะทางร.พ.ไม่มีนโยบายที่จะเลี้ยงสุนัขไว้ในสถาบัน อาจทำให้ประชาชนทั่วไปมองว่าร.พ.ทำไมถึงมีสุนัขออกมาวิ่งเล่นกันเยอะไปหมด เท่าที่ทราบสถานที่ราชการมักจะไม่มีการเลี้ยงสุนัขไว้

ส่วนเจ้าหน้าที่ร.พ.คนหนึ่งเปิดเผยว่า หนังสัตว์ที่ห้อยบนต้นไม้หน้าร.พ. ซึ่งฝ่ายร้องเรียนอ้างว่าเป็นหนังสุนัขที่ถูกฆ่านั้น แท้จริงแล้วเป็นหนังแพะ โดยนายบัง ซึ่งเป็นคนขับจักรยานยนต์รับจ้างหน้าร.พ. เป็นคนนำมาตากแดดไว้ เพื่อจะเอาไปทำเป็นกลอง หลังเกิดเป็นข่าวขึ้นมา ตนจึงนำหนังดังกล่าวลง

ด้านนางวณี อินทรัตน์ สมาชิกกลุ่มคนรักสัตว์ กล่าวว่า ก่อนหน้านี้จะมีสุนัขมานอนกันอยู่ที่หน้าร.พ. จำนวน 3 ตัว พวกตนก็เลี้ยงดูมาตลอด จนกระทั่งมีการฆ่าสุนัขตายไป 2 ตัว พอทางเราทราบเรื่องก็ได้ทำหนังสือร้องเรียนไป พร้อมทั้งบอกกับทางร.พ.ว่า ให้ช่วยกันหาทางออกว่าจะเอาสุนัขพวกนี้ไปไว้ที่ไหน แต่ทางร.พ.ก็ไม่ได้สนใจที่จะเรียกพวกตนเข้าไปปรึกษาหรือพูดคุย


จึงได้เข้าไปร้องเรียนผ่านทางเว็บไซต์ ล่าสุดเมื่อเร็วๆ นี้ พวกตนได้ยินมากับหูเลยว่าจะฆ่าสุนัขที่เหลือ ซึ่งก็รวมถึงเจ้าโค้กด้วย แถมยังมีการพูดขู่และสั่งห้ามพวกตนเข้าไปในร.พ. ถ้าหากเข้าไปจะแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินคดี ปัญหาทุกอย่างถ้าทางร.พ.ยอมที่จะรับฟังมันมีทางออก อย่างเมื่อก่อนนี้ทางกระทรวงสาธารณสุขได้มีการฆ่าสุนัขที่เข้ามาอาศัยอยู่ พอพวกตนทราบเรื่องก็ได้มีหนังสือร้องเรียนไปว่าอย่าฆ่าสุนัขเลย ควรจะหาที่ให้มันอยู่ ทางผู้ใหญ่ในกระทรวงสาธารณสุขก็เรียกพวกตนเข้าไปพูดคุย จนกระทั่งทุกวันนี้สุนัขในกระทรวงสาธารณสุข ก็สามารถที่จะอาศัยอยู่ได้

"ขอยืนยันตรงนี้เลยว่าทางร.พ.มีการฆ่าสุนัขจริง ถามคนแถวนั้นจะรู้ดี แต่เชื่อว่าไม่มีใครพูด ไม่เช่นนั้นพวกเราคงจะไม่ออกมาเรียกร้องกันหรอก สุนัขบางตัวหนีรอดจากการฆ่ามาได้ แต่ก็ต้องพิการขาหัก อย่างเจ้าโค้ก บอกได้เลยว่ามันเป็นสุนัขเดนตาย มันถึงได้รอดมาได้ แต่เชื่อได้เลยว่าไม่ช้ามันคงจะต้องตาย" นางวณีกล่าว

วันเดียวกัน นายโรเจอร์ โลหนันท์ นายกสมาคมพิทักษ์สัตว์ไทย เปิดเผยถึงกรณีดังกล่าวว่า ปัญหาที่เกิดขึ้นระหว่างผู้ที่นำสุนัขเข้าไปเดินเล่นในพื้นที่ร.พ.บำราศนราดูร และสุนัขจรจัดกับผู้บริหารของโรงพยาบาล เป็นปัญหาเรื้อรังมานาน 5-6 ปีแล้ว ตั้งแต่ก่อนที่คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ มาดำรงตำแหน่งรมว.สาธารณสุขเสียอีก ตนเคยพูดคุยกับผู้บริหารของโรงพยาบาลทราบว่า


ปัญหาที่เกิดขึ้นคือคนนำสุนัขเข้ามาแล้วสุนัขวิ่งไล่ผู้ที่เข้ามาใช้บริการสวนสาธารณะ ทางสมาคมจึงแนะนำให้ประสานกับกลุ่มคนรักสัตว์ให้เข้ามาช่วยดูแลผู้ที่นำสัตว์เข้ามาในพื้นที่ให้จูงหรือปล่อยสัตว์อย่างมีระเบียบ

ทั้งยังทำหนังสือถึงโรงพยาบาลขอให้จัดระเบียบการนำสัตว์เลี้ยงเข้ามาในพื้นที่โรงพยาบาล แต่ถึงขณะนี้ยังไม่มีความชัดเจนหรือความคืบหน้าใดๆ เราถือว่าสมาคมแนะนำวิธีจัดระเบียบและทางออกให้แล้ว แต่โรงพยาบาลไม่ดำเนินการ ส่วนการห้ามนำสัตว์นำมาในพื้นที่ของโรงพยาบาลนั้น คงไม่ใช่ทางออกที่ถูกต้อง เพราะหากต้องการเช่นนั้นต้องปิดประตูทุกด้านของกระทรวงสาธารณสุข


นายโรเจอร์ กล่าวอีกว่า ปัญหาที่เกิดขึ้นไม่ใช่ปัญหาเฉพาะของโรงพยาบาล แต่เป็นปัญหาระดับนโยบายของกระทรวงสาธารณุสข

เพราะผู้บริหารระบุว่า มีปัญหากับสุนัข และผู้สนองก็ใช้วิธีง่ายโดยกำจัดสุนัขให้หมดไม่ว่าจะด้วยวิธีอะไร ซึ่งเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นถือว่าเป็นการกระทำที่รุนแรง


ฉะนั้น สมาคมจะทำหนังสือถึงรัฐมนตรี ปลัดกระทรวงและทุกระดับที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้จัดระเบียบการนำสัตว์เข้ามาในพื้นที่โรงพยาบาล โดยอย่าใช้วิธีที่สังคมยอมรับไม่ได้ เพราะสิ่งที่เกิดขึ้นแสดงให้เห็นว่า ไม่ใช่เฉพาะกลุ่มคนรักสัตว์ในพื้นที่เพียง 500 คน แต่เป็นสังคมที่ยอมรับไม่ได้กับการฆ่าสุนัข โดยจะส่งหนังสือถึงผู้บริหารของกระทรวงสาธารณสุขภายในวันที่ 12 ก.ค.นี้


เรื่องนี้กฎหมายคงเอาผิดอะไรไม่ได้ เพราะจากประสบการณ์ที่เคยพบว่า แม้ว่าจะมีโจทก์แจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ

แต่เจ้าหน้าที่ตำรวจก็จะเข้าไปตรวจสอบและเก็บหลักฐาน แต่ไม่ดำเนินการใดๆ ต่อ เรื่องจึงเงียบหายไป ฉะนั้นครั้งนี้ผมคงไม่พึ่งกฎหมายว่าจะเอาผิดกับใครได้หรือไม่ แต่ผู้ที่ต้องรับผิดชอบอันดับแรก คือ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลโดยเฉพาะเรื่องของจริยธรรม ต่อมาคือผู้บริหารกระทรวง


ซึ่งถือว่าเป็นเจ้าของพื้นที่ที่เกิดเหตุ ต้องรับผิดชอบร่วมด้วย เพราะเรื่องนี้เชื่อว่าระดับสูงคงใช้วิธีการสั่งแบบให้ไปจัดการ จากนั้นก็สั่งต่อๆ กันไป ซึ่งผู้บริหารไม่เคยระบุว่า การที่ให้ไปจัดการกับสัตว์ต้องอย่าใช้ความรุนแรง เมื่อเป็นคำสั่งหรือประกาศควรใส่คำนี้เข้าไปด้วย แต่ผู้บริหารกลับไม่สนใจ ฉะนั้นเมื่อผู้ปฏิบัตินำไปแปลความเอง แล้วผู้บริหารจะบอกว่าไม่มีเจตนาให้ฆ่าคงไม่ได้ เพราะเชื่อว่าคงไม่มีผู้บริหารคนไหนกล้าเซ็นคำสั่งให้ฆ่าสุนัขแน่" นายโรเจอร์กล่าว



แหล่งที่มา : หนังสือพิมพ์ข่าวสด



เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์