ผู้สื่อข่าวรายงานการสำรวจราคาเนื้อสุกรชำแหละในตลาดสดกรุงเทพฯ
พบว่าส่วนใหญ่ ได้ปรับราคาขึ้นกก.ละ 5 บาท จาก 110-115 บาท เป็น 115-120 บาท อาทิ ตลาดยิ่งเจริญ ย่านสะพานใหม่ โดยพ่อค้าแม่ค้าสุกรหน้าเขียงชี้แจงว่า เพราะใกล้ช่วงเทศกาลตรุษจีนทำให้มียอดสั่งซื้อเนื้อหมูเพิ่ม แต่ปริมาณหมูในตลาดยังเท่าเดิมส่งผลให้ราคาหมูแพงขึ้น
รายงานข่าวจากวงการผู้ค้าหมูว่า
ราคาเนื้อสุกรปรับขึ้นต่อเนื่องมา 3 สัปดาห์แล้ว โดยราคาหมูเป็นจากฟาร์มปรับขึ้นจาก กก.ละ 52 บาท เป็น 55 บาท ส่งผลให้ราคาเนื้อหมูหน้าเขียงปรับขึ้นตามเฉลี่ย กก.ละ 6 บาท ตามสูตรคำนวณต้นทุนของกรมการค้าภายใน คือ หมูเป็นคูณสอง บวกลบ 2 โดยสาเหตุที่หมูปรับราคาขึ้น เพราะผู้เลี้ยงลดกำลังการผลิต ซึ่งแม่หมูปัจจุบันลดจาก 1 ล้านตัว เหลือ 780,000-800,000 ตัวเท่านั้น ส่งผลให้ปริมาณสุกรออกสู่ตลาดลดลง
นอกจากนี้ยังใกล้ช่วงเทศกาลตรุษจีน ทำให้ราคาเนื้อหมูขยับสูงขึ้นตามความต้องการบริโภคที่เพิ่ม เนื่องจากทุกปีเมื่อถึงเทศกาลตรุษจีน จะมีปริมาณสั่งซื้อเพื่อไปประกอบทำเครื่องเซ่นไหว้บรรพบุรุษจำนวนมาก แต่ปริมาณหมูใน ตลาดยังมีเท่าเดิม ส่งผลให้ราคาหมูปรับขึ้นตามกลไกตลาด
ส่วนแนวโน้มราคาเนื้อหมูน่าจะทรงระดับสูงเช่นนี้ต่อไป
ที่ กก.ละ 110-120 บาท และอาจขยับแพงขึ้นอีกได้หากเนื้อหมูขาดแคลนมากขึ้น เพราะขณะนี้แนวโน้มการเลี้ยงเนื้อหมูยัง ไม่เพิ่ม นอกจากนี้เห็นว่าราคาปัจจุบันเป็นราคาที่เหมาะสมช่วยเหลือผู้เลี้ยงหมูให้มีกำไรได้ หลังจากต้องขาดทุนต่อเนื่องมากว่า 3 ปี โดยต้นทุนเฉลี่ย 10 เดือนย้อนหลังในขณะนี้ หมูเป็นอยู่ที่กก.ละ 52 บาท ทำให้ผู้เลี้ยงมีกำไรกก.ละ 3 บาท ต่างจากเดิมที่มีต้นทุนหมูเป็นถึงกก.ละ 61 บาท ที่ผู้เลี้ยงต้องขาดทุน มานาน
“ที่ผ่านมา กลุ่มผู้เลี้ยงเลิกกิจการ และหันไปประกอบอาชีพอื่นจำนวนมาก โดยเฉพาะกลุ่มผู้เลี้ยงรายเล็กและกลางเลิกเลี้ยงไปกว่า 30% เพราะทนขาดทุนไม่ไหว ส่งผลปริมาณเนื้อหมูในตลาดลดลงจนมีปริมาณใกล้เคียงกับความต้องการบริโภคภายในประเทศคือเฉลี่ยวันละ 37,000 ตัว จากเดิมที่เคยบริโภคสูงเกินวันละ 40,000 ตัว ทำให้ราคาเนื้อหมูขยับขึ้น และเมื่อถึงช่วงเทศกาลที่บริโภคเนื้อหมูมาก เช่น ตรุษจีน ก็ทำให้ของขาดตลาดและราคาแพงขึ้นอัตโนมัติ”
นายยรรยง พวงราช อธิบดีกรมการค้าภายใน กล่าวว่า
จัดงานตรุษจีนธงฟ้า ระหว่างวัน ที่ 21-23 มกราคม 2552 ตั้งแต่เวลา 08.00-17.00 น. ที่ กระทรวงพาณิชย์ จ.นนทบุรี นำสินค้าที่นิยมใช้ในเทศกาลตรุษจีน อาทิ เนื้อสุกร ไก่สดทั้งตัว เนื้อไก่ เป็ด ไข่ไก่ ผลิตภัณฑ์แปรรูปจากเนื้อสัตว์ อาหารทะเล ผัก ผลไม้ ขนมและอุปกรณ์เซ่นไหว้ รวมทั้งสินค้าอุปโภคบริโภคที่ จำเป็นต่อการครองชีพจากฟาร์มและโรงงาน มาจำหน่ายราคาถูกกว่าท้องตลาดทั่วไป 20-40% และมีสินค้าราคาเดียวไม่เกิน 60 บาท จากร้านสีฟ้าของกรมการค้าภายใน
นายธีรศักดิ์ อุรุนานนท์ รองกรรมการผู้จัดการบริหาร ซีพีเอฟ กล่าวว่า
ในช่วงเทศกาลตรุษจีน ซีพีเอฟได้เปิดรับสั่งจองของไหว้ ทั้งไก่ย่างห้าดาว เป็ดพะโล้ และไก่ต้มไหว้เจ้า รวมถึงชุดซาแซจากซีพี เฟรชมาร์ท ประกอบด้วย เป็ดพะโล้ไหว้เจ้า ไก่ต้มทิพรส และตะโพกหมูไหว้เจ้าต้มสุกพร้อมเครื่องใน โดยมียอดจอง ณ ปัจจุบันแล้วกว่า 1,100 ชุด และตั้งเป้าหมายว่าตลอดเทศกาลตรุษจีนจะมียอดขายเพิ่ม 15% คิดเป็น 300,000 ตัว จากยอดรวมของประเทศที่ 2 ล้านตัว นอกจากนี้ ยังได้รับการตรวจสอบจากกรมปศุสัตว์ว่ามีมาตรฐานปลอดภัยตามโครงการเนื้อสัตว์ปีกปลอดภัย ฉลองตรุษจีนปี 2552.
พบว่าส่วนใหญ่ ได้ปรับราคาขึ้นกก.ละ 5 บาท จาก 110-115 บาท เป็น 115-120 บาท อาทิ ตลาดยิ่งเจริญ ย่านสะพานใหม่ โดยพ่อค้าแม่ค้าสุกรหน้าเขียงชี้แจงว่า เพราะใกล้ช่วงเทศกาลตรุษจีนทำให้มียอดสั่งซื้อเนื้อหมูเพิ่ม แต่ปริมาณหมูในตลาดยังเท่าเดิมส่งผลให้ราคาหมูแพงขึ้น
รายงานข่าวจากวงการผู้ค้าหมูว่า
ราคาเนื้อสุกรปรับขึ้นต่อเนื่องมา 3 สัปดาห์แล้ว โดยราคาหมูเป็นจากฟาร์มปรับขึ้นจาก กก.ละ 52 บาท เป็น 55 บาท ส่งผลให้ราคาเนื้อหมูหน้าเขียงปรับขึ้นตามเฉลี่ย กก.ละ 6 บาท ตามสูตรคำนวณต้นทุนของกรมการค้าภายใน คือ หมูเป็นคูณสอง บวกลบ 2 โดยสาเหตุที่หมูปรับราคาขึ้น เพราะผู้เลี้ยงลดกำลังการผลิต ซึ่งแม่หมูปัจจุบันลดจาก 1 ล้านตัว เหลือ 780,000-800,000 ตัวเท่านั้น ส่งผลให้ปริมาณสุกรออกสู่ตลาดลดลง
นอกจากนี้ยังใกล้ช่วงเทศกาลตรุษจีน ทำให้ราคาเนื้อหมูขยับสูงขึ้นตามความต้องการบริโภคที่เพิ่ม เนื่องจากทุกปีเมื่อถึงเทศกาลตรุษจีน จะมีปริมาณสั่งซื้อเพื่อไปประกอบทำเครื่องเซ่นไหว้บรรพบุรุษจำนวนมาก แต่ปริมาณหมูใน ตลาดยังมีเท่าเดิม ส่งผลให้ราคาหมูปรับขึ้นตามกลไกตลาด
ส่วนแนวโน้มราคาเนื้อหมูน่าจะทรงระดับสูงเช่นนี้ต่อไป
ที่ กก.ละ 110-120 บาท และอาจขยับแพงขึ้นอีกได้หากเนื้อหมูขาดแคลนมากขึ้น เพราะขณะนี้แนวโน้มการเลี้ยงเนื้อหมูยัง ไม่เพิ่ม นอกจากนี้เห็นว่าราคาปัจจุบันเป็นราคาที่เหมาะสมช่วยเหลือผู้เลี้ยงหมูให้มีกำไรได้ หลังจากต้องขาดทุนต่อเนื่องมากว่า 3 ปี โดยต้นทุนเฉลี่ย 10 เดือนย้อนหลังในขณะนี้ หมูเป็นอยู่ที่กก.ละ 52 บาท ทำให้ผู้เลี้ยงมีกำไรกก.ละ 3 บาท ต่างจากเดิมที่มีต้นทุนหมูเป็นถึงกก.ละ 61 บาท ที่ผู้เลี้ยงต้องขาดทุน มานาน
“ที่ผ่านมา กลุ่มผู้เลี้ยงเลิกกิจการ และหันไปประกอบอาชีพอื่นจำนวนมาก โดยเฉพาะกลุ่มผู้เลี้ยงรายเล็กและกลางเลิกเลี้ยงไปกว่า 30% เพราะทนขาดทุนไม่ไหว ส่งผลปริมาณเนื้อหมูในตลาดลดลงจนมีปริมาณใกล้เคียงกับความต้องการบริโภคภายในประเทศคือเฉลี่ยวันละ 37,000 ตัว จากเดิมที่เคยบริโภคสูงเกินวันละ 40,000 ตัว ทำให้ราคาเนื้อหมูขยับขึ้น และเมื่อถึงช่วงเทศกาลที่บริโภคเนื้อหมูมาก เช่น ตรุษจีน ก็ทำให้ของขาดตลาดและราคาแพงขึ้นอัตโนมัติ”
นายยรรยง พวงราช อธิบดีกรมการค้าภายใน กล่าวว่า
จัดงานตรุษจีนธงฟ้า ระหว่างวัน ที่ 21-23 มกราคม 2552 ตั้งแต่เวลา 08.00-17.00 น. ที่ กระทรวงพาณิชย์ จ.นนทบุรี นำสินค้าที่นิยมใช้ในเทศกาลตรุษจีน อาทิ เนื้อสุกร ไก่สดทั้งตัว เนื้อไก่ เป็ด ไข่ไก่ ผลิตภัณฑ์แปรรูปจากเนื้อสัตว์ อาหารทะเล ผัก ผลไม้ ขนมและอุปกรณ์เซ่นไหว้ รวมทั้งสินค้าอุปโภคบริโภคที่ จำเป็นต่อการครองชีพจากฟาร์มและโรงงาน มาจำหน่ายราคาถูกกว่าท้องตลาดทั่วไป 20-40% และมีสินค้าราคาเดียวไม่เกิน 60 บาท จากร้านสีฟ้าของกรมการค้าภายใน
นายธีรศักดิ์ อุรุนานนท์ รองกรรมการผู้จัดการบริหาร ซีพีเอฟ กล่าวว่า
ในช่วงเทศกาลตรุษจีน ซีพีเอฟได้เปิดรับสั่งจองของไหว้ ทั้งไก่ย่างห้าดาว เป็ดพะโล้ และไก่ต้มไหว้เจ้า รวมถึงชุดซาแซจากซีพี เฟรชมาร์ท ประกอบด้วย เป็ดพะโล้ไหว้เจ้า ไก่ต้มทิพรส และตะโพกหมูไหว้เจ้าต้มสุกพร้อมเครื่องใน โดยมียอดจอง ณ ปัจจุบันแล้วกว่า 1,100 ชุด และตั้งเป้าหมายว่าตลอดเทศกาลตรุษจีนจะมียอดขายเพิ่ม 15% คิดเป็น 300,000 ตัว จากยอดรวมของประเทศที่ 2 ล้านตัว นอกจากนี้ ยังได้รับการตรวจสอบจากกรมปศุสัตว์ว่ามีมาตรฐานปลอดภัยตามโครงการเนื้อสัตว์ปีกปลอดภัย ฉลองตรุษจีนปี 2552.
กระทู้ร้อนแรงที่สุดของวันนี้
กระทู้ล่าสุด
รูปเด่นน่าดูที่สุดของวันนี้
