อุทาหรณ์อันน่าสลดใจ น้องลี่ !!

ภาพเด็กๆ ทั้งผู้หญิงและผู้ชายขายพวงมาลัย ขายดอกจำปี ตามสี่แยกไฟแดงในกรุงเทพฯ

กลายเป็นภาพที่ชินตาของผู้ใช้รถใช้ถนนไปเสียแล้ว ด้วยภาพความน่าสงสารของเด็กจึงเป็นจุดที่เรียกความสนใจให้กับผู้ซื้อ แม้ที่ผ่านมาจะไม่ค่อยเกิดเหตุเศร้าสลดกับเด็กขายพวงมาลัย แต่บนท้องถนนมียวดยานวิ่งอยู่มากมาย อุบัติเหตุและอันตรายย่อมเกิดขึ้นได้ทุกเวลา

เหมือนอย่างเหตุการณ์เศร้าสลดที่เกิดกับครอบครัว เหมือนสุวรรณ ที่ต้องสูญเสีย "น้องลี่" ด.ญ.อนัญญา เหมือนสุวรรณ วัย 9 ขวบ นักเรียนชั้น ป.2 โรงเรียนวัดพระยายัง ที่ประสบอุบัติเหตุถูกรถชน ขณะยืนขายดอกมะลิบริเวณสี่แยกตึกชัย เพื่อหาเงินมาจุนเจือช่วยเหลือครอบครัว ไปอย่างไม่มีวันกลับ

นายลอย เจริญสุข ผู้เป็นพ่อวัย 36 ปี เล่าถึงความสูญเสียด้วยน้ำตานองหน้าว่า ครอบครัวมีฐานะยากจน อยู่บริเวณชุมชนรถไฟเยาวราช แต่ก่อนเคยไปรับจ้างก่อสร้าง แต่ก็มาล้มป่วยจนทำงานไม่ได้ต้องไปหาหมอทุกอาทิตย์ ส่วนแม่น้องลี่ก็เคยขายผลไม้ตามสี่แยกไฟแดง พอเงินทุนหมดก็ต้องหยุดขายไป จึงได้น้องลี่เป็นเสาหลักของครอบครัว ขายดอกมะลิหาเงินมาเลี้ยงปากท้องของทุกคนในครอบครัว

"ลี่ เป็นเด็กขยัน เรียบร้อย ไม่ค่อยพูด หลังจากเลิกเรียนก็จะนำดอกมะลิไปขายตามสี่แยกไฟแดง หรือถ้าคนในชุมชนใช้ทำอะไรลี่ก็จะรับจ้างทำทุกอย่าง ขอเพียงให้ได้เงินมา ดอกมะลิที่ขายก็กระทงละ 10 บาท วันหนึ่งขายได้ 200-300 บาท พอมืดก็กลับเข้าบ้าน ปกติทุกวันผมจะไปนั่งเฝ้าลูก คอยดูรถให้ลูก แต่วันที่เกิดเหตุไม่สบายไปไม่ไหว จึงให้ป้าของลี่ไปดูแทน แต่ก็มาเกิดเหตุการณ์เศร้าสลดจนได้ เห็นศพลูกแล้ว รู้สึกเสียใจมาก ทำอะไรไม่ถูก เหมือนครอบครัวไม่เหลืออะไรอีกแล้ว"

ส่วนคนขับรถที่ก่อเหตุนั้น นายลอย บอกว่า


หลังจากชนเขาก็ไม่หนี พร้อมยินยอมรับผิดทุกอย่าง เรื่องค่าใช้จ่ายทางบริษัทรถบรรทุกก็ให้ประกันมาชดใช้ให้ ส่วนคนขับรถก็รู้สึกเห็นใจเหมือนกัน เขาก็นำดอกไม้มาขอขมาและมาร่วมสวดศพทุกคืน และวันเผาศพก็บวชหน้าไฟให้ลี่ด้วย เขาบอกว่า อยากชดใช้กรรมให้ลี่ เพราะเขาก็มีลูกสาวเหมือนกัน ไม่อยากให้ลูกสาวมาเจอเหตุการณ์แบบเดียวกับลี่

นายลอยบอกด้วยว่า


รู้สึกเสียใจกับข่าวที่ออกมาหาว่าผมกับภรรยาบังคับทุบตีให้ลี่ไปขายดอกมะลิ ซึ่งไม่ใช่ความจริงเลย ลูกของใครใครก็รัก คงจะไม่มีพ่อแม่คนไหนที่อยากให้ลูกต้องตาย แต่ที่ต้องออกไปขายดอกมะลินั้น เพราะมีความจำเป็นจริงๆ ถ้าเลือกได้ก็ไม่อยากให้ลูกต้องออกไปเสี่ยงชีวิตบนท้องถนนแน่นอน

"ไม่คิดว่าลี่จะจากไปเร็วขนาดนี้ น่าจะเป็นผมมากกว่า รู้ตัวเองดีว่าคงอยู่ได้อีกไม่นาน แต่อีกใจก็คิดว่าลูกไปสบายแล้ว เพราะถ้าอยู่กับผมต่อไปก็ไม่รู้ว่าจะลำบากไปอีกนานแค่ไหน อยากให้ชีวิตของลี่เป็นชีวิตสุดท้ายของเด็กขายพวงมาลัย ไม่อยากให้เหตุการณ์เศร้าสลดแบบนี้เกิดกับครอบครัวใดอีก" ผู้เป็นพ่อบอกด้วยน้ำเสียงหมดหวัง

ถึงแม้ "ลี่" จะจากโลกนี้ไปอย่างไม่มีกลับ แต่ความดี ความกตัญญูต่อพ่อแม่ ที่ลี่ได้ทำไว้คงเป็นแบบอย่างที่ดีให้กับเยาวชนรุ่นหลัง และคงถึงเวลาเสียทีกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอย่างกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ และเจ้าหน้าที่ตำรวจคงต้องจริงจังกับการแก้ปัญหาเด็กขายพวงมาลัยตามสี่แยกไฟแดง อย่าปล่อยให้เป็นไฟไหม้ฟางอีกเลย

เพื่อชีวิตน้อยๆ ของเด็กขายพวงมาลัยจะได้ไม่ต้องแขวนอยู่บนเส้นด้ายอีกต่อไป

แหล่งที่มา: หนังสือพิมพ์มติชน

เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์